GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 16 ก.ค.64(ภาคเช้า) by YLG

1,835

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

แนะนำเข้าซื้อหากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับ 1,820-1,812 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำทรงตัวเหนือแนวรับได้ราคาทองคำจะพยายามปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,834-1,839 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,812 1,800 1,784  แนวต้าน : 1,839 1,851 1,866

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างวันราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนบริเวณ 1,833.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขานรับถ้อยแถลงในเชิง Dovish ของนายเจอโรม พาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่สนับสนุนการเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และยังไม่รีบเร่งตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำลดช่วงบวกลงในเวลาต่อมา  โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร  และแรงขายทางเทคนิคหลังจากเกิดสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแรงซื้อเริ่มชะลอตัวลง  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากดัชนีดอลลาร์ ที่แข็งขึ้น 0.21% แตะที่ 92.6236 เมื่อคืนนี้  โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่วนหนึ่งที่ออกมาสดใส  อาทิ  จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงสู่ระดับ 360,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของCOVID-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2020สะท้อนการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน  และดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ที่พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 43.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือน  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,820.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน  ก่อนจะมีแรงซื้อสลับเข้ามาหนุนให้ราคาฟื้นตัวขึ้นปิดตลาดบริเวณ 1,828.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) คาดคงนโยบายการเงินตามเดิม  และติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ และคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภค จาก UoM

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำอาจมีการแกว่งตัวในกรอบทรงตัวในระดับสูง แนะนำลงทุนตามกรอบราคาระยะสั้นมีแรงดีดกลับราคาพยายามจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ 1,834-1,839 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้ อาจจะเกิดแรงขายสลับออกมาอีกครั้ง ทั้งนี้ ประเมินแนวรับในโซน 1,820-1,812 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

กลยุทธ์การลงทุน :

เข้าซื้อหากสามารถยืนเหนือ 1,820-1,812 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยตัดขาดทุนหากไม่สามารถยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทยอยแบ่งปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านบริเวณ 1,834-1,839 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่านได้สามารถชะลอการขายทำกำไรออกไปโซนแนวต้าน 1,851 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) จีน ‘เตือน’ มาตรการห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจในมณฑลซินเจียงจะส่งผลเสียต่อการค้าโลก  รัฐบาลจีน เตือนว่า การที่สหรัฐฯ เตรียมประกาศใช้มาตรการชุดใหม่เพื่อห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันทำธุรกิจในมณฑลซินเจียงของตน ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีการบังคับใช้แรงงานและการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจส่งผลเสียต่อการค้าโลกได้ เกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ประเด็นที่ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการบังคับใช้แรงงานในซินเจียงนั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง และระบุว่า วิธีการของสหรัฐฯ ที่จะสั่งห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกันทำธุรกิจในมณฑลนี้ “ได้สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลกแล้ว”  อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนไม่ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนจะทำการตอบโต้สหรัฐฯ อย่างไร
  • (+) “พาวเวล” แถลงคองเกรสวันที่ 2 ย้ำเฟดจับตาเงินเฟ้อใกล้ชิด  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ หลังจากที่กล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ ซึ่งนายพาวเวลส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในขณะนี้  นายพาวเวลกล่าวในวันนี้ว่า เฟดจะใช้นโยบายการเงินในการสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐ จนกว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์  นอกจากนี้ นายพาวเวลย้ำว่า เฟดกำลังจับตาเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด แต่ก็ชี้ว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราวจากการที่รัฐต่างๆทำการเปิดเศรษฐกิจ
  • (+) สหรัฐเผยดัชนีราคานำเข้าเพิ่มน้อยกว่าคาดในเดือนมิ.ย.  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนมิ.ย.
  • (+) เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาวะธุรกิจมิด-แอตแลนติกต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค.  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 21.9 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 จากระดับ 30.7 ในเดือนมิ.ย. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีภาวะธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 28.0 ในเดือนก.ค.
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.24% แตะที่ 92.6236 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9180 ฟรังก์ จากระดับ 0.9146 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2608 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2508 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 109.81 เยน จากระดับ 110.00 เยน  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1806 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1830 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3810 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3852 ดอลลาร์
  • (-) เฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาคการผลิตสูงกว่าคาดในเดือนก.ค.  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้น 25.6 จุด สู่ระดับ 43.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.0
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดโควิด  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 360,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 จากระดับ 386,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้  ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 53.79 จุด รับถ้อยแถลงพาวเวล-ข้อมูลแรงงานสดใส  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2 ซึ่งเขายังคงเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,987.02 จุด เพิ่มขึ้น 53.79 จุด หรือ + 0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,360.03 จุด ลดลง 14.27 จุด หรือ -0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,543.13 จุด ลดลง 101.82 จุด หรือ -0.70%

- Advertisement -

Comments
Loading...