ราคาทอง 24/2/68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกเผชิญแรงเทขายทำกำไร
หลังเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ ที่ 2,954 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 10 ในปีนี้ โดยล่าสุดตลาดคลายกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และสงครามในตะวันออกกลาง
สำหรับในสัปดาห์นี้เรามองว่าควรติดตามแนวโน้มการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์การเมืองเยอรมนี หลังรับรู้ผลการเลือกตั้ง และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ รวมถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ในภาพรวมใหญ่ จากการที่ราคาทำ Higher Highs และ Higher Lows ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาโดยยังรักษาการเคลื่อนไหวเหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหลาย ยังสะท้อนขาขึ้นหรือขาซื้อยังได้เปรียบตลาด โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,915ดอลลาร์
ส่วนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 2,925ดอลลาร์ หากยืนเหนือโซนดังกล่าวได้ทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อโดยมีเป้าหมายถัดไปแถว 2,935-2,955ดอลลาร์ แต่หากยืนไม่ได้ระวังการพักตัวของราคาทองระยะสั้นหลังเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ทองจะมีโอกาสลงไปทดสอบโซน 2,877-2,865ดอลลาร์
ซื้อ (Long): จุดเข้า: หากราคาย่อลงมาที่ 2,915-2,925 และมีสัญญาณกลับตัวขึ้น (เช่น Bullish Candlestick Pattern เช่น Hammer หรือ RSI กลับจาก Oversold) เป้าหมาย: 2,945 ดอลลาร์ Stop Loss: 2,900 ดอลลาร์
ขาย (Short): จุดเข้า: หากราคาทะลุ 2,95ถ ไม่ได้และเกิดสัญญาณ Bearish (เช่น Shooting Star หรือ RSI Divergence) เป้าหมาย: 2,925-2,935 หรือ 2,900 ดอลลาร์ Stop Loss: 2,965 ดอลลาร์
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,925/2,915/2,885 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,935/2,945/2,955 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 46,500/46,400/46,000บาท
แนวต้าน 46,600/46,700/46,800บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%
