ราคาทอง 10 มี.ค.68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกปิดที่ 2,909 ดอลลาร์ ในวันศุกร์( 10 มี.ค.)
หลังนักลงทุนยังเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากการที่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ในเดือนทกุมภาพันธ์ บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้โดยเริ่มในเดือนมิถุนายน ฉุดดัชนีดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
นอกจากนี้ด้านธนาคารกลางจีนเปิดเผยข้อมูลระบุว่า จีนยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนก.พ. ขณะที่รัสเซียยังเดินถล่มยูเครนอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องจับตาต่อ
นักลงทุนยังกังวลต่อการทำสงครามการค้าของสหรัฐ แม้สหรัฐตัดสินใจเลื่อนเวลาการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน แต่ยังคงมีแผนที่จะเรียกเก็บภาษีจำนวนมาก
และการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน แคนาดาและเม็กซิโก ส่งผลให้จีนและแคนาดาออกมาตรการตอบโต้ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน สหรัฐจะเริ่มใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.
นอกจากนี้สัปดาห์นี้ตลาดจะจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ พร้อมทั้งรอติดตามพัฒนาการของการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ในภาพรวมใหญ่
และยังเคลื่อนตัวอยู่เหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย โดยมีการย่อตัวสลับลงมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันแต่ไม่หลุด อย่างไรก็ตามทองยังไม่สามารถสร้างไฮใหม่ในระยะนี้ หรือยังไม่สามารถเบรกทะลุ 2,930 ดอลลาร์ เพื่อสร้างขาขึ้นที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ทำให้ทองคำเผชิญแรงเทขายสลับออกมา โดยจะให้จับตาโซนแนวรับบริเวณ 2,895 หากยืนเหนือโซนดังกล่าวไม่ได้ทองเสี่ยงพักตัว
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,909/2,895/2,877ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,930/2,940/2,955 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 46,400/46,250/46,100บาท
แนวต้าน 46,550/46,650/46,800บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%
แนวโน้มทางเทคนิค
ราคาทองโลกดิ่งร่วงเกือบ 40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,877 หลังสกุลลาร์แข็งค่าทุบตลาดจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันที่จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตามกำหนดเดิมในวันที่ 4 มี.ค. และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งกดดันสกุลเงินที่เสี่ยงเผชิญการขึ้นภาษีนำเข้า อย่าง เงินยูโร (EUR) และเงินหยวนจีน
ในทาง Fund หากเราติดตามมาตลอด ความกังวลมันไม่สามารถวิ่งไปได้เรื่อยๆ อย่างที่บอกเรื่องภาษี แมกซิโก และ แคนนาดา แน่นอนน่าจะส่งผลเรื่องความกังวลของ นลท แต่การขู่ขึ้นภาษีต่อนั้นเริ่มไม่ได้มีผล แต่การขู่ขึ้นภาษีประเทศที่เหลืออันใหม่อันนั้นน่าจะมีผลของความกังวลบ้างที่พอยังเหลืออยู่ในตอนนี้ แต่ Fund หลักคือ FED ไม่ลดดอกเบี้ยนั่นคือเรื่องจริงที่ทองนั้นน่าจะลงมากกว่าขึ้น แต่ก็ต้องรอความกังวลในความไม่แน่นอนของนโยบายของคุณทรัมป์หมดไป
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงชัดเจน ท่ามกลางแรงขายหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ Nvidia -8.5% หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับรายงานผลประกอบการของ Nvidia นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.78% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.59%
ขณะที่เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงทะลุ3 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวม 11 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2568 รวมถึงนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเลยปีนี้ขณะที่ราคาทองในประเทศปรับตัวลดลงตามราคาทองโลกหลุด 46,500 บาท
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจากยุโรป เม็กซิโก แคนาดา และจีน อย่างไรบ้าง
ทองโลกโดนทุบหลุด 2900 ทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
จากภาพนั้นได้เริ่ม Confirm เป็นกราฟพักตัวของ TF4H หมายความว่าจากนี้ทองจะเริ่มพักตัวมาที่ 2855-2815ใน TF4H แล้วค่อยมาวัดกันว่ารับอยู่ไหม ถ้ารับไม่อยู่ กราฟนี้ก็จะเป็นการพักตัวของ TF Day ซึ่งก็จะไปถึง 2770-2700 กันเลยทีเดียว
กรณีขาลง (Bearish Scenario): หากราคาทองปิดตลาดต่ำกว่า 2,870 ดอลลาร์ และไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 2,890 ดอลลาร์ได้ แรงขายอาจผลักราคาลงไปทดสอบ 2,855 ดอลลาร์ 46250 หากหลุดแนวรับนี้ จะเห็นการร่วงต่อไปที่ 2,830-2,800ดอลลาร์ 46000-45700
กรณีทรงตัว (Sideways Scenario): หากราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 2,855-2,890 ดอลลาร์ 46100-46500 โดยไม่มีแรงซื้อหรือขายที่ชัดเจน อาจเป็นการสะสมพลัง (consolidation) ก่อนเลือกทิศทาง
กรณีขาขึ้น (Bullish Scenario): หากราคาทะลุ 2,890 ดอลลาร์ (46,500บาท)ด้วยปริมาณการซื้อที่สูง (volume spike) อาจดีดตัวไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2,920-2,930 ดอลลาร์ (46,700-46,800บาท)