ราคาทอง 3 มี.ค.68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยทำจุดต่ำสุดที่ 2,832 ดอลลาร์
ก่อนจะขึ้นมาปิดที่ 2,858 ดอลลาร์ ในวันศุกร์ที่(28ก.พ.) หลังสกุลดอลลาร์แข็งค่าทุบตลาด หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
อีกทั้งตลาดยังเผชิญแรงกกดดันจากการที่ อังกฤษ ฝรั่งเศสและยูเครน ตกลงที่จะเดินหน้าร่วมกันทำแผนหยุดยิงเพื่อนำเสนอให้กับสหรัฐฯ ก่อนที่จะเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปเพื่อหารือหนทางยุติสงครามในยูเครนที่เกิดขึ้นจากการรุกรานของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ทองยังมีแรงหนุนเชิงบวกอยู่บ้างจากความกังวลเกี่ยวกับแผนการเก็บภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะเริ่มใช้ในวันที่ 4 มี.ค. พร้อมกับภาษีเพิ่มเติม 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend)
ในภาพรวมใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามทองเคลื่อนไหวหลุดเส้นค่าเฉลี่ย,100 วัน ที่ระดับ 2,908ดอลลาร์ เปิดโอกาสให้กราฟมีแนวโน้มกลับไปทดสอบแนวรับถัดไปแถว 2,850-2,830ดอลลาร์
อย่างไรก็ตามทองโลกรีบาวน์กลับขึ้นมาค่อนข้างรุนแรง หลัง RSI อินดิเคเตอร์เร่งตัวเข้าเขตขายมาก หนุนแรงซื้อกลับมาหนุนตลาด แนะจับตาแนวรับ 2,850ดอลลาร์ หากหลุดโซนดังกล่าวทองมีโอกาสวิ่งไปทดสอบแถว 2,830-2815 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,850/2,830/2,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,877/2,885/2,909 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 46,250/46,050/45,900บาท
แนวต้าน 46,450/46,550/46,700บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%
สรุปแนวโน้มทางเทคนิค
ทองโลกดิ่งร่วงเกือบ 40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,877 ดอลลาร์ หลังสกุลลาร์แข็งค่าทุบตลาดจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันที่จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตามกำหนดเดิมในวันที่ 4 มี.ค. และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งกดดันสกุลเงินที่เสี่ยงเผชิญการขึ้นภาษีนำเข้า อย่าง เงินยูโร (EUR) และเงินหยวนจีน
ในทาง Fund หากเราติดตามมาตลอด ความกังวลมันไม่สามารถวิ่งไปได้เรื่อยๆ อย่างที่บอกเรื่องภาษี แมกซิโก และ แคนนาดา แน่นอนน่าจะส่งผลเรื่องความกังวลของ นลท แต่การขู่ขึ้นภาษีต่อนั้นเริ่มไม่ได้มีผล แต่การขู่ขึ้นภาษีประเทศที่เหลืออันใหม่อันนั้นน่าจะมีผลของความกังวลบ้างที่พอยังเหลืออยู่ในตอนนี้ แต่ Fund หลักคือ FED ไม่ลดดอกเบี้ยนั่นคือเรื่องจริงที่ทองนั้นน่าจะลงมากกว่าขึ้น แต่ก็ต้องรอความกังวลในความไม่แน่นอนของนโยบายของคุณทรัมป์หมดไป
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงชัดเจน ท่ามกลางแรงขายหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ Nvidia -8.5% หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับรายงานผลประกอบการของ Nvidia นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.78% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.59%
ขณะที่เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงทะลุ3 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวม 11 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2568 รวมถึงนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเลยปีนี้ขณะที่ราคาทองในประเทศปรับตัวลดลงตามราคาทองโลกหลุด 46,500 บาท
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจากยุโรป เม็กซิโก แคนาดา และจีน อย่างไรบ้าง
ทองโลกโดนทุบหลุด 2900 ทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
จากภาพนั้นได้เริ่ม Confirm เป็นกราฟพักตัวของ TF4H หมายความว่าจากนี้ทองจะเริ่มพักตัวมาที่ 2855-2815ใน TF4H แล้วค่อยมาวัดกันว่ารับอยู่ไหม ถ้ารับไม่อยู่ กราฟนี้ก็จะเป็นการพักตัวของ TF Day ซึ่งก็จะไปถึง 2770-2700 กันเลยทีเดียว
กรณีขาลง (Bearish Scenario): หากราคาทองปิดตลาดต่ำกว่า 2,870 ดอลลาร์ และไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 2,890 ดอลลาร์ได้ แรงขายอาจผลักราคาลงไปทดสอบ 2,855 ดอลลาร์ 46250 หากหลุดแนวรับนี้ จะเห็นการร่วงต่อไปที่ 2,830-2,800ดอลลาร์ 46000-45700
กรณีทรงตัว (Sideways Scenario): หากราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 2,855-2,890 ดอลลาร์ 46100-46500 โดยไม่มีแรงซื้อหรือขายที่ชัดเจน อาจเป็นการสะสมพลัง (consolidation) ก่อนเลือกทิศทาง
กรณีขาขึ้น (Bullish Scenario): หากราคาทะลุ 2,890 ดอลลาร์ (46,500บาท)ด้วยปริมาณการซื้อที่สูง (volume spike) อาจดีดตัวไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2,920-2,930 ดอลลาร์ (46,700-46,800บาท)