“ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภทมีความเสี่ยงสูงจากภาษีศุลกากร นักลงทุนควรวางใจในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มั่นคง เช่น ทองคำและน้ำมัน หากต้องการปกป้องพอร์ตการลงทุนของตนจากสถานการณ์เสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การปรับขึ้นภาษีศุลกากร”
ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักยุทธศาสตร์ของ Goldman Sachs ซึ่งนำโดย Samantha Dart โดยทีมของเธอได้ยืนยันการคาดการณ์ ราคาทองคำ ที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2026
โดยบันทึกดังกล่าวได้รับการเผยแพร่เมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสบดี เนื่องจากราคาทองคำล่วงหน้าราคาโกลด์ฟิวเจอร์สทะลุ 2,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่งทำลายสถิติเดิม โดยทองคำฟิวเจอร์สซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2,846 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันศุกร์
ความเสี่ยงด้านราคาหมายถึงความเป็นไปได้ที่ราคาสินทรัพย์จะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงอันเป็นผลจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด นักลงทุนกำลังรอคอยที่จะดูว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเดินหน้าการเก็บภาษีนำเข้า 25% กับเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% กับจีนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์หรือไม่
“สถานการณ์ที่อัตราภาษีศุลกากรเพิ่มสูงขึ้นจะช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนมีสถานะซื้อขายทองคำมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนราคาที่เราคาดหวังอยู่แล้ว” ดาร์ตและทีมงานกล่าวถึงความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรยังส่งผลให้ทองคำและเงินในตลาดนิวยอร์กเกิดการเทขายอย่างหนักอีกด้วย
เนื่องจากราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 7% ในเดือน มกราคม นักลงทุนบางรายอาจก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น เนื่องจากโกลด์แมนระบุว่า มีการป้องกันความเสี่ยงบางส่วนอยู่แล้ว
นักยุทธศาสตร์ยังกล่าวเสริมว่า ทองคำอาจช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับหนี้รัฐบาลที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งถือเป็นคำแนะนำการซื้อขายที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดของธนาคารสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ในขณะนี้
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในเดือน มกราคม โดยราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า เพิ่มขึ้นเพียง 1.2% และน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.5% แต่สินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวถือเป็นแหล่งหลบภัยอีกแห่งหนึ่งที่ช่วยปกป้องจากการหยุดชะงักของอุปทานทางภูมิรัฐศาสตร์ พวกเขาประเมินว่าตลาดน้ำมันกำลังกำหนดราคาไว้ที่โอกาส 30% ของการที่สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันของแคนาดาที่ 25%
“ความน่าจะเป็นในมุมมองของเราที่ภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมและทองแดงของสหรัฐฯ จะสูงกว่าภาษีนำเข้าน้ำมันของแคนาดาอย่างมาก นั้นสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่าอะลูมิเนียมและทองแดงน่าจะรวมอยู่ในภาษีนำเข้าที่กำหนดเป้าหมายไปที่วัตถุดิบสำคัญ ขณะที่ภาษีนำเข้าน้ำมันของแคนาดาอาจทำให้ราคาน้ำมันเบนซินในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เป็นที่นิยมหากเกิดขึ้นชั่วคราว” นักยุทธศาสตร์กล่าว
พวกเขากล่าวว่า มุมมองที่สนับสนุนการจัดหาพลังงานของทรัมป์ ร่วมกับการขยายพื้นที่และแหล่งน้ำของรัฐบาลกลางสำหรับการขุดเจาะ “จะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการเติบโตของอุปทานในระยะใกล้ในสหรัฐฯ” ดาร์ตและทีมงานของเธอกล่าว
ที่มา : MarketWatch – โดย บาร์บาร่า คอลเมเยอร์
