ราคาทอง 7 มี.ค.68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกปิดร่วง 8 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,911 ดอลลาร์ ในวันพฤหัสบดี( 6 มี.ค.)
จากการที่นักลงทุนขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน โดยนักลงทุนจะรอตลาดเลือกทิศทาง จากการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ คืนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.0% ในเดือนก.พ. หากเป็นไปตามคาดดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่า และกลับมากดดันตลาดทองคำ ในตรงกันข้ามหากตัวเลขการจ้างงานลดลง ทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้
นักลงทุนยังกังวลต่อการทำสงครามการค้าของสหรัฐ แม้สหรัฐตัดสินใจเลื่อนเวลาการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน แต่ยังคงมีแผนที่จะเรียกเก็บภาษีจำนวนมาก และการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน แคนาดาและเม็กซิโก ส่งผลให้จีนและแคนาดาออกมาตรการตอบโต้ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน ขณะที่เม็กซิโกเตรียมประกาศมาตรการตอบโต้ในวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. อีกทั้งสหรัฐจะเริ่มใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.
ข้อมูลเทคนิค (Technical Analysis)
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ในภาพรวมใหญ่ และยังเคลื่อนตัวอยู่เหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย โดยมีการย่อตัวสลับลงมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันแต่ไม่หลุด อย่างไรก็ตามทองยังไม่สามารถสร้างไฮใหม่ในระยะนี้ และยังไม่สามารถเบรกทะลุ 2,930 ดอลลาร์ เพื่อสร้างขาขึ้นที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ทำให้ทองคำเผชิญแรงเทขายสลับออกมา โดยจะให้จับตาโซนแนวรับบริเวณ 2,895 หากยืนเหนือโซนดังกล่าวไม่ได้ทองเสี่ยงพักตัวต่อ
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,895/2,877/2,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,930/2,940/2,955 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 46,300/46,100/46,000บาท
แนวต้าน 46,600/46,700/46,800บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%
สรุปแนวโน้มทางเทคนิค
ทองโลกดิ่งร่วงเกือบ 40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,877 ดอลลาร์ หลังสกุลลาร์แข็งค่าทุบตลาดจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันที่จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตามกำหนดเดิมในวันที่ 4 มี.ค. และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งกดดันสกุลเงินที่เสี่ยงเผชิญการขึ้นภาษีนำเข้า อย่าง เงินยูโร (EUR) และเงินหยวนจีน
ในทาง Fund หากเราติดตามมาตลอด ความกังวลมันไม่สามารถวิ่งไปได้เรื่อยๆ อย่างที่บอกเรื่องภาษี แมกซิโก และ แคนนาดา แน่นอนน่าจะส่งผลเรื่องความกังวลของ นลท แต่การขู่ขึ้นภาษีต่อนั้นเริ่มไม่ได้มีผล แต่การขู่ขึ้นภาษีประเทศที่เหลืออันใหม่อันนั้นน่าจะมีผลของความกังวลบ้างที่พอยังเหลืออยู่ในตอนนี้ แต่ Fund หลักคือ FED ไม่ลดดอกเบี้ยนั่นคือเรื่องจริงที่ทองนั้นน่าจะลงมากกว่าขึ้น แต่ก็ต้องรอความกังวลในความไม่แน่นอนของนโยบายของคุณทรัมป์หมดไป
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงชัดเจน ท่ามกลางแรงขายหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ Nvidia -8.5% หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับรายงานผลประกอบการของ Nvidia นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.78% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.59%
ขณะที่เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงทะลุ3 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวม 11 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2568 รวมถึงนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเลยปีนี้ขณะที่ราคาทองในประเทศปรับตัวลดลงตามราคาทองโลกหลุด 46,500 บาท
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจากยุโรป เม็กซิโก แคนาดา และจีน อย่างไรบ้าง
ทองโลกโดนทุบหลุด 2900 ทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
จากภาพนั้นได้เริ่ม Confirm เป็นกราฟพักตัวของ TF4H หมายความว่าจากนี้ทองจะเริ่มพักตัวมาที่ 2855-2815ใน TF4H แล้วค่อยมาวัดกันว่ารับอยู่ไหม ถ้ารับไม่อยู่ กราฟนี้ก็จะเป็นการพักตัวของ TF Day ซึ่งก็จะไปถึง 2770-2700 กันเลยทีเดียว
กรณีขาลง (Bearish Scenario): หากราคาทองปิดตลาดต่ำกว่า 2,870 ดอลลาร์ และไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 2,890 ดอลลาร์ได้ แรงขายอาจผลักราคาลงไปทดสอบ 2,855 ดอลลาร์ 46250 หากหลุดแนวรับนี้ จะเห็นการร่วงต่อไปที่ 2,830-2,800ดอลลาร์ 46000-45700
กรณีทรงตัว (Sideways Scenario): หากราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 2,855-2,890 ดอลลาร์ 46100-46500 โดยไม่มีแรงซื้อหรือขายที่ชัดเจน อาจเป็นการสะสมพลัง (consolidation) ก่อนเลือกทิศทาง
กรณีขาขึ้น (Bullish Scenario): หากราคาทะลุ 2,890 ดอลลาร์ (46,500บาท)ด้วยปริมาณการซื้อที่สูง (volume spike) อาจดีดตัวไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2,920-2,930 ดอลลาร์ (46,700-46,800บาท)