ราคาทอง 6 พ.ค.68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ข่าวสารประจำวัน
ทองโลกปิดพุ่ง 93 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 3,334 ดอลลาร์ ในวันจันทร์ (6 พ.ค.) ที่ผ่านมา โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลัง ทรัมป์ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีในอัตรา 100% กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตในต่างประเทศ พร้อมระบุว่าได้มอบอำนาจให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้ภาษีศุลกากรทันที ส่วนราคาทองในประเทศยังเผชิญแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 7 เดือน ทำให้ราคาทองในประเทศปรับฟื้นตัวไม่ค่อยร้อนแรงมากนัก ล่าสุดสามารถกลับมายืนเหนือ บาทละ 52,000 ได้อีกครั้ง
สิ่งที่ต้องจับตา
การประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวัน 6-7 พ.ค. ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ข้อมูลเทคนิค (Technical Analysis)
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ในระยะกลางถึงยาว XAU/USD ในกราฟรายสัปดาห์ ขณะที่กราฟรายวัน ยังสะท้อนฝั่งซื้อยังได้เปรียบตลาด โดยสามารถดีดตัวขึ้นจากบริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (SMA) 20 วัน ซึ่งเป็นแนวต้านที่ประมาณ 3,269 ดอลลาร์ และยืนเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 และ 200 วันยังคงมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน หากระหว่างวันสามารถยืนเหนือแนวรับ 3,320 ดอลลาร์ จะหนุนทำให้ทองมีแรงขึ้นต่อโดยมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 3,360-3,385 ดอลลาร์ แต่หากไม่ผ่านโซน 3,385 ดอลลาร์ อาจเผชิญแรงเทขายทำกำไรออกมาก่อนหลังเกิดสัญญาณการซื้อสูงในกราฟราย 1 ชั่วโมง และ 4 ชั่วโมง อาจเป็นโซนแบ่งขายทำกำไรปิดสถานะบางส่วนก่อน
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 3,340 /3,320/3,285ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 3,360/3,385/3,400ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 52,000/51,800/51,600บาท
แนวต้าน 52,200/52,500/52,700บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%