บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ส.ค.64 by YLG
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
แนะนำแบ่งทองคำออกขายหากมีการปรับตัวขึ้นมาไม่ผ่านแนวต้าน 1,802-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 1,782-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ทยอยเข้าซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขายทำกำไร
แนวรับ : 1,782 1,768 1,751 แนวต้าน : 1,810 1,833 1,849
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง11.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย อาทิ (1.) ช่วงต้นวันดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 93.126ในระหว่างวัน (2.) การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าที่คาด ทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ ที่ลดลงเพียง0.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งลดลงน้อยกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.5% ในเดือนก.ค. ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ระดับ0.7% ในเดือนก.ค. (3.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.349% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเกือบ2สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากปัจจัยทางเทคนิคหลังบอนด์ยีลด์ 10 ปีผ่านขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 1.326% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย (4.) กองทุน SPDR ที่ยังคงเดินหน้าลดการถือครองทองคำอีก -2.91 ตันเมื่อวานนี้ สู่ระดับ 1,001.72 ตันซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ปี2020 ทำให้ในปี 2021 กองทุน SPDR ถือครองทองลดลงแล้ว -169.12 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนที่ไหลออกจากกองทุน ETF ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,782.62 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะฟื้นตัวในช่วงปลายตลาดโดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากดัชนีดอลลาร์ที่ลดช่วงบวกลง ขณะที่นักลงทุนเริ่มปรับสถานะและชะลอการซื้อขายก่อนที่นายพาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีช่วงไตรมาส 2/2021 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,802-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ส่งผลให้การฟื้นตัวขึ้นของราคายังคงจำกัด อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลงของราคาอีกครั้ง ประเมินแนวรับ 1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของวันก่อนหน้า) แต่หากไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ก็จะเห็นการอ่อนตัวลงต่อทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
ดูบริเวณ 1,802-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านเปิดสถานะขายเก็งกำไรระยะสั้น (ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาผ่าน 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แล้วเข้าซื้อคืนทำกำไรเมื่อราคาอ่อนตัวลงบริเวณแนวรับโซน 1,782-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะขายทำกำไร หากยืนไม่ได้ถือสถานะขายต่อ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ดอลล์อ่อนเทียบยูโร ก่อนประชุมแจ็กสันโฮลเปิดฉากวันนี้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์เทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการที่ประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 92.8255 เมื่อคืนนี้ ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1771 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1754 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3761 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3730 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7279 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.97 เยน จากระดับ 109.68 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์ ที่ระดับ 0.9135 ฟรังก์ จากระดับ 0.9126 ฟรังก์
- (+) “สี จิ้นผิง” ต่อสายตรง “ปูติน” พร้อมกระชับความร่วมมือกรณีอัฟกานิสถานประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันนี้ โดยระบุว่า จีนพร้อมที่จะกระชับความร่วมมือกับรัสเซียและประชาคมโลกในกรณีอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ ปธน.สี จิ้นผิง เรียกร้องให้มีการสนับสนุนให้ฝ่ายต่างๆในอัฟกานิสถานร่วมกันสร้างระบบการเมืองที่เปิดกว้างสำหรับทุกฝ่าย ผ่านทางการเจรจาหารือ, การดำเนินนโยบายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศแบบสายกลางและมีความเหมาะสม โดยแยกตัวจากกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่รักษาความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ปธน.สี จิ้นผิงยังเรียกร้องให้ปธน.ปูตินเพิ่มความร่วมมือกับจีนในการต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอก ในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์สำหรับยุคใหม่ และควรเป็นผู้ที่กำหนดอนาคตของประเทศด้วยมือตัวเอง
- (-) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 0.1% ในเดือนก.ค.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 0.5% ในเดือนก.ค.ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน และการพุ่งขึ้นของราคาวัตถุดิบ ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ทรงตัวในเดือนก.ค. หรือเพิ่มขึ้น 0% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย.
- (-) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว ขานรับดอกเบี้ยลดลงสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 1.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- (-) J&J เผยผลทดลองชี้วัคซีนเข็ม 2สามารถกระตุ้นภูมิในร่างกายบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลการทดลองพบว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 ของ J&J สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย ก่อนหน้านี้ J&J ระบุว่า วัคซีนของบริษัทสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ในการฉีดเพียงโดสเดียว ซึ่งต่างจากวัคซีนของบริษัทอื่นที่ต้องฉีด 2 โดส J&J เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 สามารถเพิ่มระดับแอนติบอดีได้ถึง 9 เท่า เมื่อเทียบกับระยะเวลา 1 เดือนหลังจากฉีดเข็มแรก
- (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 39.24 จุด รับแรงซื้อหุ้นแบงก์-จับตาประชุมแจ็กสันโฮลดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่4 เมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มผู้ผลิตชิป ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
- (+/-) ทั่วโลกจับตาถ้อยแถลง “พาวเวล” ศุกร์นี้ 21.00 น. ส่งสัญญาณเฟดหั่น QE ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว สำหรับหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Monetary Policy Framework Review” และจะเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นปีที่ 2 เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในการประชุมแจ็กสัน โฮลปีนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวสุนทรพจน์ในประเด็น “แนวโน้มเศรษฐกิจ” โดยเขามีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงในวันที่ 27 ส.ค.เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย