บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 22 ก.ย.64 by HGF
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำปิดบวก จากความกังวลวิกฤตหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์
ช่วงเวลาตี 1 จะทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง
- ราคาทองคำSpot เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปในการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในเดือนนี้ซึ่งวิกฤตการณ์หนี้สินของบริษัทดังกล่าวนั้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนปีนี้ลงเหลือ 8% จากเดิม 8.3% ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำสุทธิ0.87ตัน
- คืนนี้ในช่วงเวลาตี 1 จะทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ซึ่งคาดว่าเฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม แต่อาจจะเริ่มส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE และติดตามการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐรวมถึงรายงาน “dot plot” ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในอนาคตของกรรมการเฟดแต่ละคนส่วนคืนนี้สหรัฐจะประกาศยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.87ล้านยูนิต จากระดับ 5.99 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.
- แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง ทั้งนี้ยังต้องระวังแรงเทขาย ซึ่งอาจจะทำให้มีแนวโน้มปรับลดลงสู่แนวรับ 1,700 ดอลลาร์ได้ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,760 ดอลลาร์และ 1,750 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์และ 1,800 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,774.00 | +10.0 | 1,760/1,750 | 1,780/1,800 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,900 | +150 | 27,800/27,650 | 28,100/28,400 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,190 | +140 | 27,950/27,790 | 28,260/28,550 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคาทอง Spot1,750 ดอลลาร์ (GF 27,790 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740 ดอลลาร์(GF 27,640 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,775.00 | +7.80 | 1,762/1,752 | 1,782/1,802 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคา GOU211,752 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,742 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงต่อเนื่องซึ่งค่าเงินบาทเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับภูมิภาค ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิพันบัตรไทยประมาณ 2,800 ล้านบาท และตลาดรอติดตามการส่งสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้ ซึ่งUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.50 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนค่าเล็กน้อยก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐหรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทยทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.08% แตะที่ 93.2047 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $14.4 วิกฤตเอเวอร์แกรนด์หนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินของบริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปนอกจากนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำด้วยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.4 ดอลลาร์หรือ 0.82% ปิดที่ 1,778.2 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 40.7 เซนต์หรือ 1.83% ปิดที่ 22.611 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 27 เซนต์รับคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่งสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์หรือ 0.4% ปิดที่ 70.56 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์หรือ 0.6% ปิดที่ 74.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดลบ 50.63 จุดกังวลข่าวเอเวอร์แกรนด์-จับตาประชุมเฟด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีนนอกจากนี้นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐหรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,919.84 จุดลดลง 50.63 จุดหรือ -0.15% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,354.19 จุดลดลง 3.54 จุดหรือ -0.08% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,746.40 จุดเพิ่มขึ้น 32.50 จุดหรือ +0.22%
ปธ.เอเวอร์แกรนด์ส่งจดหมายปลอบพนักงานมั่นใจบริษัทจะรอดพ้นความยากลำบาก
นายฮุยกาหยวนประธานบริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดอันดับสองของจีนได้ส่งจดหมายถึงพนักงานของบริษัทว่าเอเวอร์แกรนด์มีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในขณะนี้ไปได้ด้วยดีและคาดว่าการส่งมอบโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆจะดำเนินไปตามสัญญาจดหมายของนายฮุยยังระบุด้วยว่าเอเวอร์แกรนด์จะแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อบรรดาผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์นักลงทุนหุ้นส่วนและสถาบันการเงินต่างๆ
ไฟเซอร์/ไบออนเทคเผยวัคซีนโควิดปลอดภัยและได้ผลดีในเด็ก5-11ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคเอสอีระบุว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19ของทางบริษัทมีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งให้กับเด็กอายุ5-11ปีและทางบริษัทวางแผนที่จะขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลโดยเร็วที่สุดเพื่อฉีดวัคซีนให้กับเด็กในช่วงอายุดังกล่าวในสหรัฐยุโรปและที่อื่นๆไฟเซอร์/ไบออนเทคเปิดเผยว่าวัคซีน2โดสสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันในเด็กอายุ5-11ปีในการทดลองทางคลินิกระยะที่2/3แบบเดียวกันกับที่พบในกลุ่มคนอายุ16-25ปีก่อนหน้านี้นอกจากนี้ข้อมูลด้านความปลอดภัยก็เทียบเคียงได้กับที่ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนอายุ16-25ปีนายอัลเบิร์ตเบอร์ลาประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “นับตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมาผู้ป่วยโรคโควิด-19ที่เป็นเด็กมีมากขึ้นถึง240%ในสหรัฐซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนให้กับเด็กโดยผลการทดลองเหล่านี้นับเป็นหลักฐานที่ดีในการยื่นขออนุมัติการฉีดวัคซีนของเราให้กับเด็กอายุ5-11ปีและเราวางแผนที่จะยื่นขออนุมัติต่อFDA และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆโดยด่วน”
สหรัฐไฟเขียวเปิดประเทศรับผู้โดยสารฉีดวัคซีนโควิดครบโดสในเดือนพ.ย.
นับตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไปสหรัฐจะอนุญาตให้ผู้โดยสารที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ครบโดสแล้วจาก33ประเทศซึ่งรวมถึงจีนอินเดียบราซิลและประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปเดินทางเข้าสหรัฐได้โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐถือเป็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดซึ่งสหรัฐได้บังคับใช้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วทำเนียบขาวระบุว่าสหรัฐได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีการผ่อนคลายข้อกำหนดการเดินทางแทนการสั่งห้ามผู้ที่เดินทางมาจากทั้ง33ประเทศดังกล่าวโดยล่าสุดสหรัฐกำหนดว่าผู้ที่เดินทางมาจาก33ประเทศนี้จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ครบโดสจึงจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไปภายใต้กฎระเบียบใหม่นี้ชาวต่างชาติที่เดินทางด้วยเครื่องบินมายังสหรัฐจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ครบโดสนอกเหนือไปจากการแสดงผลตรวจโควิด-19เป็นลบภายในระยะเวลา3วันก่อนออกเดินทางโดยผู้โดยสารที่แสดงหลักฐานเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงสหรัฐ
ทำเนียบขาวยันสหรัฐพร้อมรับมือวิกฤต “เอเวอร์แกรนด์”
ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ยืนยันว่าสหรัฐกำลังจับตาวิกฤตการณ์ทางการเงินของบริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปอย่างใกล้ชิดและพร้อมรับมือผลกระทบดังกล่าวหากมีความจำเป็น “ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตว่านี่เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับจีนขณะที่เราจับตาตลาดโลกอย่างใกล้ชิดผ่านทางกระทรวงการคลังสหรัฐโดยมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเราพร้อมรับมือหากมีความจำเป็น” นางเจนซากีโฆษกทำเนียบขาวกล่าว