โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
เฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็น
ติดตามดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย
แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways
- ราคาทอง Spot เมื่อวานที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,807-1,824 ดอลลาร์ ทั้งนี้ราคาทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ยืนยันว่าเฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งขึ้นรุนแรงจนสร้างความเสียหายต่อรากฐานเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นต่อนโยบายคุมเข้มทางการเงินที่แข็งกร้าวมากขึ้น ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ค. ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 14.9 จาก 17.6 ในเดือนเม.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 200,000 ราย ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.65 ล้านยูนิต จากระดับ 5.77 ล้านยูนิต และดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. โดย conference Board ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.0% จากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,800 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไป 1,790 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,830 ดอลลาร์ และ 1,840 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,815.70 | +1.6 | 1,800/1,790 | 1,830/1,840 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
29,800 | -100 | 29,600/29,500 | 29,850/29,950 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
29,950 | -110 | 29,660/29,420 | 29,980/30,080 |
แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณ 1,840 ดอลลาร์ (GF 30,080บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,850 ดอลลาร์ (GF 30,120 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,819.60 | -3.10 | 1,802/1,792 | 1,832/1,842 |
แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณ 1,842 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,852 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ค่าเงินบาทเมื่อวานที่ผ่านแข็งค่าเล็กน้อย ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าตามทิศทางตลาด เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย ทั้งนี้แนวโน้มค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าในระยะสั้น สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.65 มีแนวรับที่ 34.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 34.80 บาท/ดอลลาร์
News
ศรีลังกาจ่อผิดนัดชำระหนี้ สัญญาณเตือนเงินเฟ้อกระทบปท.ตลาดเกิดใหม่
ศรีลังกามีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้เงินกู้พันธบัตรต่างประเทศวงเงินสูงถึง 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนตระหนักว่าประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนามีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาเงินเฟ้อ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ระยะเวลาผ่อนผันการชำระหนี้ (grace period) มูลค่า 78 ล้านดอลลาร์ของศรีลังกาจะสิ้นสุดลงใน 18 พ.ค. ซึ่งอาจทำให้ศรีลังกาเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 2491 ขณะที่ราคาพันธบัตรของศรีลังกาทรุดตัวอย่างหนัก เนื่องจากผู้ถือพันธบัตรพากันเทขายหลังจากราคาดิ่งลงใกล้แตะระดับ 60 เซนต์สหรัฐ การร่วงลงของราคาพันธบัตรสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมากขึ้นว่า ศรีลังกาจะประสบปัญหาในการชำระหนี้ เมื่อพันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอนในเวลาอีกไม่เดือนข้างหน้านี้
ผลสำรวจชี้นักลงทุนถือครองเงินสดสูงสุดในรอบ 20 ปี เหตุกังวลศก.-เงินเฟ้อ
ผลสำรวจผู้จัดการกองทุนของแบงก์ ออฟ อเมริกาบ่งชี้ว่า นักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสดมากกว่าที่จะนำไปลงทุนท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Stagflation หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงและอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ผลสำรวจระบุว่า นักลงทุนถือครองเงินสดที่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2544 ซึ่งสะท้อนถึงผลสำรวจที่ซบเซาอย่างมาก “ผลสำรวจในเดือนพ.ค.ยังบ่งชี้ว่า กลุ่มนักลงทุนที่มีทรัพย์สินรวมกันมูลค่า 8.72 แสนล้านดอลลาร์นั้นมองว่า ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ที่หันมาใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินนั้น ถือเป็นความเสี่ยงมากที่สุด ส่วนความเสี่ยงที่รองลงมาคือภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Stagflation ได้เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งทรุดตัวลงรายสัปดาห์ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางทั่วโลกที่เริ่มหันมาคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ผลการสำรวจยังบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 7.9 ครั้งในวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ซึ่งมากกว่าผลสำรวจในเดือนเม.ย.ที่คาดไว้ที่ 7.4 ครั้ง
“พาวเวล” ย้ำเฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งขึ้นรุนแรงจนสร้างความเสียหายต่อรากฐานของเศรษฐกิจ “สิ่งที่เราต้องการเห็นคืออัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน และเราจะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินไปจนกว่าจะเห็นสิ่งนั้น หากเราไม่เห็นว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามที่คาดหวังไว้ เราก็จะใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินที่แข็งกร้าวมากขึ้นอีก” นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า “การบรรลุเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อนั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก และเป็นภารกิจที่เฟดจะต้องดำเนินการเนื่องจากเศรษฐกิจ ประชาชน และภาคธุรกิจ ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หากเงินเฟ้อไร้เสถียรภาพ ทั้งนี้ แม้ว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในแง่ของการกดดันให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง และอัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้น แต่นายพาวเวลเชื่อมั่นว่า เฟดมีแนวทางที่จะดำเนินการดังกล่าวโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง “อย่างไรก็ดี หากอัตราเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลง เฟดก็ไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจนกว่าจะเห็นว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลง” นายพาวเวลกล่าว