วันจันทร์, เมษายน 21, 2025
หน้าแรกวิเคราะห์ราคาทองคำบทวิเคราะห์ราคาทองคำ 11 ต.ค.65 by YLG

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 11 ต.ค.65 by YLG

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถรอขายทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,703-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าฝ่าไปได้ให้รอขายบริเวณแนวต้านถัดไป

แนวรับ : 1,657 1,635 1,614  แนวต้าน : 1,711 1,735 1,754

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลง 26.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตลอดทั้งวันราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่องและการฟื้นตัวในระหว่างวันเป็นไปอย่างจำกัด โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อหลังการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาด

นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของยูโร หลัง Sentix เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนในเดือนต.ค.ปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ -38.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2020 ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณในเชิง Hawkish อาทิ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดชิคาโก ที่ออกมาระบุวานนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่อย่างต่อเนื่องมากกว่าที่เฟดคาดไว้ในตอนต้น และตั้งข้อสังเกตว่าเฟดอาจสามารถลดอัตราเงินเฟ้อได้ โดยไม่ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ผลักดันเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์เพิ่มเติม

ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตียูเครนเป็นเหตุให้พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ได้กระตุ้นแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย อีกด้วย ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดกดดันทองคำให้ร่วงลงจนกระทั่งทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 1,665.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐ รวมถึงติดตามถ้อยแถลงของนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์ และนายฟิลิป นาธาน เจฟเฟอร์สัน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด

จจัยทางเทคนิค

หลังจากราคาทิ้งตัวลง ราคาพยายามแกว่งตัวในกรอบทรงตัวเพื่อสะสมแรงซื้อ แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น โดยแนวรับนั้นอยู่ในบริเวณ 1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีลุ้นที่ราคาจะพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,703-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้แข็งแกร่งมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านถัดไป

กลยุทธ์การลงทุน

เปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,703-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ถือสถานะซื้อต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) “ไบเดน” ประณามรัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายพลเรือนในยูเครน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ออกแถลงการณ์ประณามการที่รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายพลเรือนในยูเครน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก “สหรัฐขอประณามอย่างรุนแรงต่อการที่รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตียูเครนในวันนี้ ซึ่งได้ทำให้พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่มีการโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงความโหดร้ายอีกครั้งหนึ่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินในการทำสงครามที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อชาวยูเครน” แถลงการณ์ระบุ
  • (+) “ปูติน” ออกโรงยืนยันเป็นผู้สั่งการยิงขีปนาวุธถล่มยูเครน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวยืนยันว่า เขาเป็นผู้สั่งการให้รัสเซียยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตียูเครน โดยเป็นเป้าหมายทางทหาร พลังงาน และการสื่อสาร “หากยูเครนยังคงใช้ความพยายามทำการก่อการร้ายบนดินแดนของเรา รัสเซียก็จะทำการตอบโต้อย่างรุนแรง และในสัดส่วนเดียวกับระดับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นต่อสหพันธรัฐรัสเซีย ไม่ควรมีผู้ใดกังขาในเรื่องนี้” ปธน.ปูตินกล่าวในการประชุมสภาความมั่นคงรัสเซียในวันนี้
  • (+) ซีอีโอ “เจพีมอร์แกน” เตือนเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยกลางปีหน้า นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ นายไดมอนกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงดูดีในขณะนี้ และผู้บริโภคยังคงมีสถานะที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับในปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก แต่การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ, การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ย และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 6-9 เดือนต่อจากนี้ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปได้ถดถอยแล้ว   นายไดมอนกล่าวว่า เขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาวะถดถอยดังกล่าวจะกินเวลานานเท่าใด แต่สิ่งที่เขาแน่ใจคือปัจจัยดังกล่าวจะสร้างความผันผวนในตลาด
  • (+) IMF-เวิลด์แบงก์ประสานเสียง เตือนเศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอยปีหน้า นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และนายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก กล่าวเตือนในวันนี้ว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า ขณะที่เงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนในเดือนก.พ.
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 93.91 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยฉุดศก.ถดถอย ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดนับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากการที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรารควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ -0.32%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,612.39 จุด ลดลง 27.27 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,542.10 จุด ลดลง 110.30 จุด หรือ -1.04%
  • (-) ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซนต่ำสุดรอบกว่า 2 ปีในเดือนต.ค. สถาบันวิจัย Sentix ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนต.ค.แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และบ่งชี้คาดการณ์การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนร่วงลงสู่ระดับ -38.3 จากระดับ -31.8 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -34.7
  • (-) นักวิเคราะห์คาดดัชนี CPI บ่งชี้เงินเฟ้อยังคงร้อนแรงในเดือนก.ย. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพฤหัสบดีนี้ ผลการสำรวจพบว่า ดัชนี CPI ยังคงร้อนแรงในเดือนก.ย. โดยดีดตัวขึ้นมากกว่า 8% แม้ชะลอตัวจากเดือนส.ค.   ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 8.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 8.3% ในเดือนส.ค.   นอกจากนี้ คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.5% โดยสูงกว่าระดับ 6.3% ในเดือนส.ค.
  • (-) ดอลล์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดขึ้นดบ. ตลาดจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (10 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาด ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31% แตะที่ระดับ 113.1450 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 145.67 เยน จากระดับ 145.34 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9994 ฟรังก์ จากระดับ 0.9949 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3758 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3725 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9706 ดอลลา
- Advertisement -
Mr.Gold
Mr.Gold
หวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มข้อมูลข่าวสารให้ผู้ที่สนใจลงทุนในทองคำ
- Advertisement -
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
- Advertisement -

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ

- Advertisement -