ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเช้าวันศุกร์ เนื่องด้วยความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ความตึงเครียดด้านภาษีศุลกากรที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้นักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำแท่ง
ข้อมูลพื้นฐานตลาดทองคำ
- ราคาทองคำ gold spot เพิ่มขึ้น 1% อยู่ที่ 3,205.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 3,219 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้ และเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% ในสัปดาห์นี้
- ทองคำล่วงหน้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.5% อยู่ที่ 3,226.50 ดอลลาร์
- นอกจากจะประกาศระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นเวลา 90 วันแล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยังได้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% อีกด้วย
- จีนได้พยายามเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรในแต่ละครั้งของทรัมป์ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจีนอาจเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรให้สูงเกินเกณฑ์ 84% ในปัจจุบัน
- การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในปีนี้ยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งของธนาคารกลาง ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ย ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและยุโรป และการไหลเข้าของเงินที่เพิ่มขึ้นในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่รองรับด้วยทองคำ
- ข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนมีนาคม แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากที่ทรัมป์เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นสองเท่า
- จากข้อมูลดังกล่าว ผู้ซื้อขายคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิถุนายน และอาจลดอัตราดอกเบี้ยตามนโยบายลง 1 เปอร์เซ็นต์เต็มภายในสิ้นปีนี้
- ทองคำ ซึ่งโดยทั่วไปถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 21% ในปีนี้
ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์ส (reuters.com)