ราคาทอง 7/11/66
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองคำในตลาดโลกดิ่ง 16 usd/oz ปิดที่ระดับ 1,976
หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่ามากขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ปรับพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.6% ฉุดราคาทองปรับตัวร่วงหลุด 1,985
ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และเคลื่อนไหวที่ระดับ 33,200 บาท หลังเงินบาทยังอยู่ในโมเมนตัมแข็งค่าต่อเนื่อง
สำหรับสัปดาห์นี้แนะนำติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ เฟด พร้อมติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสและพันธมิตร
แนวโน้มราคาทองคำ
ราคาทองคำเช้านี้เปิดตลาดไปที่ 1,976 หรือประมาณ 33,200 กว่าบาท ราคาทองคำแท่ง 96.5% น้ำหนัก 1 บาท ภาพรวมใหญ่ของตลาดทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงหลังจากที่ยังไม่สามารถเบรคแนวต้าน 2010 ขึ้นไปได้
ขณะที่กราฟแท่งเทียนได้หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน อยู่ที่ 1,987 โดยเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวเริ่มชะลอตัวในการทำ slope (ความชัน) และจ่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ที่ 1,970 หากหลุดแนวดังกล่าวราคาทองจะเปลี่ยนเข้าสู่แนวโน้มขาลงทันที ฝั่งขายจะกลับมาได้เปรียบตลาด โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,953
สถิติที่น่าสนใจ
1.ราคาทองคำมีส่วนต่างระหว่างราคาสูงสุดกับราคาต่ำสุดของเดือนมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ $106.8
2.ราคาทองคำส่วนใหญ่ปิดลบในเดือนพฤศจิกายนเมื่อเทียบกับราคาทองปิดในเดือนตุลาคมในแต่ละปีเกือบ 70% ใน TF1M ก่อนที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในต้นเดือนธันวาคมถือว่าเป็นจังหวะดีก่อนสิ้นสุดปี 2566
ราคาทองคำเมื่อวาน High 1,993 Low 1,953
กลยุทธการลงทุนทองคำ
Gold Spot:
แนวรับ :1970/1963 usd/oz
แนวต้าน:1985/1993 usd/oz
ทองคำ96.5%:
แนวรับ :33,200/33,100บาท
แนวต้าน:33,300/33,400บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
ค่าเงินบาทประจำวัน
เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ 35.40-35.70 บาทต่อดอลลาร์
กองทุน SPDR ถือครอง 867.57ตัน (+4.33ตัน)
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดยังอยู่ที่ระดับ 5.25-5.50% โดยล่าสุดตลาดยังคงคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมโดยคาดการณ์อยู่ที่ 90% ขณะที่อีก 10% คาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าวอีก 0.25% อ้างอิงจาก CME GROUP(ปัจจัยบวกทองคำ)