ราคาทอง 22/10/67
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองคำโลกพุ่งต่อเนื่อง
ทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ใหม่ที่ระดับ 2,740 ดอลลาร์/ออนซ์ ในวันจันทร์ที่ผ่านมาโดยตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อีกทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งในเดือน พ.ย.และธ.ค. ซึ่งยังจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในภาพรวมระยะยาว สำหรับสัปดาห์นี้ แนะติดตาม รายงานดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดรวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ อีกทั้งสถานการณ์สงครามที่ยังดำเนินอยู่
สำหรับทิศทางทางดอกเบี้ยสหรัฐในมุมของนักลงทุนปัจจุบัน นักลงทุน อ้างอิง CME’s Fed Watch นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือน พ.ย. รวมทั้งให้น้ำหนัก 66% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
Ausiris คาดการณ์ว่าระยะยาวราคาทองคำจะยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 จากการที่กระแสเงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำท่ามกลางความไม่แน่นอนอย่างมากด้านเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งสงครามทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังสร้างความตึงเตรียดในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก ทำให้ราคาทองโลกมีโอกาสแตะ 3,000 ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า
การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักส่งผลบวกต่อราคาทองคำ โดยมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้:
ต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ลดลง: เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ผลตอบแทนจากการถือครองสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ย เช่น เงินฝากหรือพันธบัตร จะลดลง ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง: การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนจะแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในสกุลเงินอื่น ทองคำซึ่งซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ จะมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นและราคาทองคำสูงขึ้น
ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ: การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษามูลค่าของเงินลงทุน ตัวอย่างจากอดีต: ช่วงปี 1995 – 1999, 2001 – 2004, และ 2007 – 2015: ในช่วงเวลาเหล่านี้ เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ย และราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในระยะกลางถึงระยะยาวหลังจากการลดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างการลดดอกเบี้ยของเฟดและราคาทองคำ ไม่ใช่กฎตายตัว และอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำด้วย เช่น อัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในทองคำควรพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ใช่เพียงแค่การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพียงอย่างเดียว
แนวโน้มราคาทองคำสำหรับวันนี้ราคาทองโลกเปิดตลาดที่ระดับ 2,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์
และยังมีแรงหนุนฝั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องในช่วงเช้า สำหรับราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศคาดการณ์ตอนเปิดตลาดขายออกบาทละ 43,200 บาท สำหรับมุมมองทางเทคนิคราคาทองคำโลกภาพรวมใหญ่ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น และยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหลาย โดยเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น-กลาง-ยาว ทำ ความชัน
แนวโน้ม Sideway up สะท้อนฝั่งซื้อยังได้เปรียบตลาด แต่อาจเพิ่มความระมัดระวังการเทขายทำกำไรหลังราคาทองเข้าใกล้เขตซื้อสูง Super Overbought ใน RSI อินดิเคเตอร์
แต่จะเป็นในลักษณะการปรับตัวลงเพื่อปรับตัวขึ้นต่อ สำหรับทองคำในประเทศคาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนเชิงบวกจากค่าเงินบาทที่ยังเคลื่อนไหวอ่อนค่า
ราคาสูงสุดต่ำสุดของราคาทองโลกเมื่อวานนี้
สูงสุด 2,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำสุด 2,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธการลงทุนทองคำ (Buy)
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,715/2,692 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,740/2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 43,100/42,900บาท
แนวต้าน 43,300/43,400บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้
ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
กองทุน SPDR (กองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
ถือครอง 888.63ตัน (คงที่)
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.75-5.00%