ราคาทอง 18 มี.ค.68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกปิดเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ หนุนราคาทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท ยังขายออกทะลุบาทละ 47,600 บาท ในวันจันทร์ (17 มี.ค.) หลังดอลลาร์อ่อนค่า จากการที่ยอดค้าปลีกสหรัฐ เดือน ก.พ.ปรับตัวขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งสะท้อนความไม่แน่นอนท่ามกลางมาตรการภาษีศุลกากรและการเลิกจ้างพนักงานรัฐบาลกลางจำนวนมาก รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านลดลงนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567
นอกจากนี้ทองคำยังได้แรงหนุนจากความตึงเครียดในทะเลแดง หลังสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮูตี จนกว่าจะยอมยุติการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
จับตาสงครามการค้าของสหรัฐ และการเริ่มใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. รวมถึง ธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดการณ์จะจัดการประชุมในวันที่ 20 มีนาคม โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่รวมถึงข้อพิพาททางการค้า
นอกจากนี้ ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ในภาพรวมใหญ่ โดยล่าสุดสามารถขึ้นไปปิดเหนือแนวต้าน3,000 ดอลลาร์ หลังกราฟแท่งเทียนสามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหลาย สนับสนุนการเคลื่อนไหวขาขึ้น ตามกราฟ 4 ชั่วโมง สะท้อนฝั่งซื้อยังได้เปรียบตลาด หากยังสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวทองจะมีโอกาสขึ้นต่อเป้าหมายที่ระดับ 3,010-3,025 ดอลลาร์
แนะระวังการปรับฐานแม้ราคาทองคำจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ควรระวังการปรับฐานที่อาจเกิดขึ้นหลัง RSI เริมเข้าเขตการซื้อมาก อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา โดยเฉพาะหากมีข่าวดีเกี่ยวกับการเจรจายุติสงครามหรือความตึงเครียดทางการค้าลดลงโดยมีจุดแนวรับที่ 2,980-2,950ดอลลาร์
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 3,000 /2,980/2,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 3,010/3,025/3,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 47,600/47,450/47,350บาท
แนวต้าน 47,650/47,800/48,000บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%
สรุปแนวโน้มทางเทคนิค
ราคาทองโลกดิ่งร่วงเกือบ 40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,877 ดอลลาร์ หลังสกุลลาร์แข็งค่าทุบตลาดจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันที่จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตามกำหนดเดิมในวันที่ 4 มี.ค. และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งกดดันสกุลเงินที่เสี่ยงเผชิญการขึ้นภาษีนำเข้า อย่าง เงินยูโร (EUR) และเงินหยวนจีน
ในทาง Fund หากเราติดตามมาตลอด ความกังวลมันไม่สามารถวิ่งไปได้เรื่อยๆ อย่างที่บอกเรื่องภาษี แมกซิโก และ แคนนาดา แน่นอนน่าจะส่งผลเรื่องความกังวลของ นลท แต่การขู่ขึ้นภาษีต่อนั้นเริ่มไม่ได้มีผล แต่การขู่ขึ้นภาษีประเทศที่เหลืออันใหม่อันนั้นน่าจะมีผลของความกังวลบ้างที่พอยังเหลืออยู่ในตอนนี้ แต่ Fund หลักคือ FED ไม่ลดดอกเบี้ยนั่นคือเรื่องจริงที่ทองนั้นน่าจะลงมากกว่าขึ้น แต่ก็ต้องรอความกังวลในความไม่แน่นอนของนโยบายของคุณทรัมป์หมดไป
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงชัดเจน ท่ามกลางแรงขายหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ Nvidia -8.5% หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับรายงานผลประกอบการของ Nvidia นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.78% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.59%
ขณะที่เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงทะลุ3 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวม 11 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2568 รวมถึงนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเลยปีนี้ขณะที่ราคาทองในประเทศปรับตัวลดลงตามราคาทองโลกหลุด 46,500 บาท
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจากยุโรป เม็กซิโก แคนาดา และจีน อย่างไรบ้าง
ทองโลกโดนทุบหลุด 2900 ทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
จากภาพนั้นได้เริ่ม Confirm เป็นกราฟพักตัวของ TF4H หมายความว่าจากนี้ทองจะเริ่มพักตัวมาที่ 2855-2815ใน TF4H แล้วค่อยมาวัดกันว่ารับอยู่ไหม ถ้ารับไม่อยู่ กราฟนี้ก็จะเป็นการพักตัวของ TF Day ซึ่งก็จะไปถึง 2770-2700 กันเลยทีเดียว
กรณีขาลง (Bearish Scenario): หากราคาทองปิดตลาดต่ำกว่า 2,870 ดอลลาร์ และไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 2,890 ดอลลาร์ได้ แรงขายอาจผลักราคาลงไปทดสอบ 2,855 ดอลลาร์ 46250 หากหลุดแนวรับนี้ จะเห็นการร่วงต่อไปที่ 2,830-2,800ดอลลาร์ 46000-45700
กรณีทรงตัว (Sideways Scenario): หากราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 2,855-2,890 ดอลลาร์ 46100-46500 โดยไม่มีแรงซื้อหรือขายที่ชัดเจน อาจเป็นการสะสมพลัง (consolidation) ก่อนเลือกทิศทาง
กรณีขาขึ้น (Bullish Scenario): หากราคาทะลุ 2,890 ดอลลาร์ (46,500บาท)ด้วยปริมาณการซื้อที่สูง (volume spike) อาจดีดตัวไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2,920-2,930 ดอลลาร์ (46,700-46,800บาท)