ราคาทอง 21/10/67
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองคำโลกพุ่ง
ทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ใหม่ที่ระดับ 2,725 ดอลลาร์/ออนซ์ ในเช้าวันนี้โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่าจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่บริโภคทองคำอันดับต้นๆของโลก จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
อีกทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง,รัฐเซีย-ยูเครน,จีน-ไต้หวัน ยังหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยต่อเนื่อง นอกจากนี้ทองยังได้แรงหนุนจากตลาดที่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินทั้งในเดือน พ.ย.และธ.ค. ซึ่งยังจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในภาพรวมระยะยาว และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์นี้
แนะติดตาม รายงานดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมรอลุ้น ผลการเลือกตั้งญี่ปุ่น รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดรวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ อีกทั้งสถานการณ์สงครามที่ยังดำเนินอยู่
สำหรับทิศทางทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในมุมของนักลงทุนปัจจุบัน
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในเดือนหน้า อ้างอิง CME’s Fed Watch นักลงทุนให้น้ำหนัก 99% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือน พ.ย. รวมทั้งให้น้ำหนัก 75 % ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
Ausiris คาดการณ์ว่าระยะยาวราคาทองคำจะยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 จากการที่กระแสเงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำท่ามกลางความไม่แน่นอนอย่างมากด้านเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป รวมทั้งแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก ทำให้ราคาทองโลกมีโอกาสแตะ 3,000 ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า
การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักส่งผลบวกต่อราคาทองคำ โดยมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้:
ต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ลดลง: เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ผลตอบแทนจากการถือครองสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ย เช่น เงินฝากหรือพันธบัตร จะลดลง ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง: การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนจะแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในสกุลเงินอื่น ทองคำซึ่งซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ จะมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นและราคาทองคำสูงขึ้น
ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ: การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษามูลค่าของเงินลงทุน ตัวอย่างจากอดีต: ช่วงปี 1995 – 1999, 2001 – 2004, และ 2007 – 2015: ในช่วงเวลาเหล่านี้ เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ย และราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในระยะกลางถึงระยะยาวหลังจากการลดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างการลดดอกเบี้ยของเฟดและราคาทองคำ ไม่ใช่กฎตายตัว และอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำด้วย เช่น อัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในทองคำควรพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ใช่เพียงแค่การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพียงอย่างเดียว
ข้อมูลทางเทคนิคแนวโน้มราคาทองคำ
สำหรับวันนี้ราคาทองโลกเปิดตลาดที่ระดับ 2,723 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีแรงหนุนฝั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องในช่วงเช้า สำหรับราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศคาดการณ์ตอนเปิดตลาดขายออกบาทละ 42,650-42,700 บาท
สำหรับมุมมองทางเทคนิคราคาทองคำโลกภาพรวมใหญ่ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น และยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหลาย โดยเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น-กลาง-ยาว ทำ ความชัน แนวโน้ม Sideway up สะท้อนฝั่งซื้อยังได้เปรียบตลาด แต่อาจเพิ่มความระมัดระวังการเทขายทำกำไรหลังราคาทองเข้าใกล้เขตซื้อสูง Super Overbought ใน RSI อินดิเคเตอร์
ราคาสูงสุดต่ำสุดของราคาทองโลกเมื่อวานนี้
สูงสุด 2,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำสุด 2,692 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธการลงทุนทองคำ (Buy)
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,710/2,692 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,730/2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 42,500/42,300บาท
แนวต้าน 42,650/42,850บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้
รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี คาดการณ์เป็นบวกต่อราคาทอง
กองทุน SPDR (กองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
ถือครอง 888.63ตัน (คงที่)
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.75-5.00%