GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 5 ก.พ.64(ภาคเช้า) by YLG

569

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคาอยู่ในช่วงการพักฐาน โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านแรกบริเวณ 1,811-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ราคามีโอกาสขยับลงเพื่อทดสอบแนวรับบริเวณ 1,784-1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,784 1,764 1,737  แนวต้าน : 1,818 1,844 1,860

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 39.90  ดอลลาร์ต่อออนซ์  หลังจากขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดระหว่างวันบริเวณณ 1,834.77 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  พร้อมกับดิ่งลงแรงหลังจากนั้นโดยได้รับแรงกดดันหลักมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์  หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาดในช่วงสัปดาห์นี้ นับตั้งแต่ ADP Non-farm ซึ่งสะท้อนบริษัทสหรัฐจ้างงานเพิ่ม  ขณะที่ PMI ภาคบริการเดือนม.ค.จากทั้งมาร์กิตและISMออกมาแข็งแกร่งเช่นกัน  จนกระทั่งวานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเกินคาดสู่ระดับ 779,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2020  ส่วนคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% เช่นกัน  นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่ม  จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.14% จนกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยอีกด้วย  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแรงจนหลุด 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นแนวรับจิตวิทยา  นั่นจึงกระตุ้นแรงขายตามทางเทคนิค(Sell Stop)ตามส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลงแรงสู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,784.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่มขึ้น +2.34 ตัน  สำหรับวันนี้  แนะนำนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ  รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร  อัตราการว่างงงาน  และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงานของสหรัฐในวันนี้ เพื่อใช้ชี้นำทิศทางราคาทองคำ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำพยายามสร้างฐานและพยายามทรงตัว  หลังจากวานนี้ราคาทิ้งตัวลงแรง ทั้งนี้ หากราคายืนเหนือโซน 1,784ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจทำให้เห็นการดีดตัวขึ้นเพื่อพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,811-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านได้ อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงเพื่อสร้างฐานราคาอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

ดูบริเวณ 1,811-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้แนะนำแบ่งทองคำออกขายทำกำไรระยะสั้น เพื่อรอเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรเมื่อราคาอ่อนลงหรือไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,784-1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาผ่านแนวต้านแรกได้ให้รอดูบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,844 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (สถานะขายตัดขาดทุนหากยืนได้)

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (-) ดอลลาร์ดีดตัวทำนิวไฮ 2 เดือนเทียบยูโร,เยน ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจแกร่ง ดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเทียบยูโรและเยน ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ณ เวลา 23.50 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.4% สู่ระดับ 105.43 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.11% สู่ระดับ 126.21 เยน และร่วงลง 0.5% สู่ระดับ 1.197 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.35% สู่ระดับ 91.49 กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 779,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 830,000 ราย จากระดับ 812,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 193,000 ราย สู่ระดับ 4.6 ล้านราย หลังจากที่พุ่งแตะระดับ 24.9 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.2563 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจ และปลดพนักงานจำนวนมาก ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกสภาคองเกรส โดยหวังที่จะผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ผ่านการอนุมัติของรัฐสภา แม้เผชิญเสียงท้วงติงจากสมาชิกพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 779,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 830,000 ราย จากระดับ 812,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 193,000 ราย สู่ระดับ 4.6 ล้านราย หลังจากที่พุ่งแตะระดับ 24.9 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.2563 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจ และปลดพนักงานจำนวนมาก
  • (-)  สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนธ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. การดีดตัวของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานดิ่งลง 6.6% ในเดือนธ.ค.
  • (-)  อังกฤษติดเชื้อโควิดวันเดียวกว่า 20,000 ราย ดันยอดรวมกว่า 3.8 ล้านราย  กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 20,634 ราย ขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ระดับ 3,892,459 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 915 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ระดับ 110,250 ราย ซึ่งเป็นอันดับ 5 ของโลกเช่นกัน รายงานดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ ซึ่งทำให้มีการแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70%
  • (+/-) ดาวโจนส์ บวก 332.26 จุด หลังผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดรอบ 2 เดือน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.พ.) ที่ระดับ 31,055.86 จุด เพิ่มขึ้น 332.26 จุด หรือ +1.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 3,871.74 จุด เพิ่มขึ้น 41.57 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 13,777.74 จุด เพิ่มขึ้น 167.20 จุด หรือ +1.23% ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ล่าสุด (24 ม.ค. – 30 ม.ค.64) อยู่ที่ระดับ 779,000 ราย ลดลงจากระดับ 812,000 ราย ในสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.63 ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯมีเสถียรภาพมากขึ้น การลดลงของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงาน ส่งผลให้หุ้นหลายกลุ่มปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมออนไลน์ โดยหุ้น”อีเบย์” เพิ่มขึ้น 5.3% และหุ้น PAYPAL เพิ่มขึ้นมากถึง 7.36% หลังทั้งสองบริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมากในไตรมาส 4/63

- Advertisement -

Comments
Loading...