ราคาทอง 17 เม.ย.68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกพุ่งทะลุระดับ 3,350 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และนักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าจีนอาจเผชิญกับ มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 245% รวมทั้งความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอย
นอกจากนี้ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก เมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงเกินคาดนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ซึ่งปัจจัยข้างต้นหนุนราคาทองแท่งในประเทศ 96.5% แตะ 52,500 บาท
ข้อมูลเทคนิค (Technical Analysis)
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ในภาพรวมใหญ่ในระยะสั้นถึงยาว กราฟรายวันยังสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง แม้อยู่ในเขตที่ “ซื้อมากเกินไป” (Overbought)
ขณะที่ราคายังคงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) ทุกเส้นที่แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20 SMA) อยู่ที่บริเวณประมาณ $3,100 ทำหน้าที่เป็นแนวรับทางเทคนิคระยะกลางที่แข็งแกร่ง หากราคาทองคำเกิดการย่อตัวลง
จับตาหากสามารถเบรกแนวต้านที่ระดับ 3,357 ดอลลาร์ ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อโดยมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 3,380-3,420 ดอลลาร์ โดยสถานะฝั่ง Buy ยังได้เปรียบตลาด
กลยุทธการลงทุน
1. นักลงทุนระยะสั้น (Short-term)
หากทองคำโลกไม่หลุด 3,320-3,280 ดอลลาร์ (หรือทองไทยราว 52,250บาท) ให้รอสัญญาณกลับตัวก่อนเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร จุดตัดขาดทุน: วาง stop loss ไว้ที่ 3,000 ดอลลาร์ (หรือทองไทย52,000บาท) เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาลงต่อโดยมีเป้าหมายกำไรที่ 3,357-3,400 ดอลลาร์ (ทองไทย 52,550-53,000บาท) หากมีข่าวหนุน เช่น ความตึงเครียดการค้าปะทุใหม่ หรือเข้าซื้อกรณีเบรกแนวต้าน 3,350 ดอลลาร์
2. นักลงทุนระยะยาว (Long-term)
ระดับราคาทองไทยต่ำกว่า 51,000 บาท (เช่น 47,000-50,000 บาท) ถือเป็นโอกาสสะสมสำหรับถือยาว เพราะทองคำยังมีศักยภาพขาขึ้นในภาพใหญ่จาก ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและนโยบายทรัมป์ และเงินเฟ้อที่อาจพุ่งขึ้นในอนาคตจากต้นทุนสินค้านำเข้าคาดว่าราคาทดสอบ 55,000-60,000 บาทใน 6-12 เดือน หากวิกฤตทวีความรุนแรงมากขึ้น
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 3,320/3,300/3,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 3,357/3,380/3,420ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 52,250/52,000/51,800บาท
แนวต้าน 52,550/52,800/53,200บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%