ราคาทอง 16 เม.ย.68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกทะลุ 3,250 ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์อีกครั้งในวันนี้
หนุนราคาทองแท่ง 96.5% พุ่งทะลุบาทละ 51,500 บาท ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของผู้นำสหรัฐฯ หลังได้ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการที่นำเข้าจากจีน อย่างไรก็ตามการยกเว้นภาษีเหล่านี้จะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
นอกจากนี้สหรัฐยังได้เริ่มกระบวนการสอบสวนการนำเข้ายาและเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อหาลู่ทางในการใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งสองประเภทนี้ แล้วจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ภายในสัปดาห์นี้
ขณะที่สภาทองคำโลกชี้ว่า การลงทุนในกองทุน ETF ทองคำ ที่อ้างอิงกับทองคำจริงในประเทศจีน เฉพาะในช่วงเดือนนี้ ได้พุ่งสูงแซงหน้ายอดรวมของทั้งไตรมาสแรกไปแล้ว
สิ่งที่ต้องจับตาต่อ
นักลงทุนเตรียมจับตาตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ และคุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก ในวันนี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ในภาพรวมใหญ่ในระยะสั้นถึงยาว ล่าสุดสามารถเบรกแนวต้านที่ระดับ 3,250 ดอลลาร์ ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อโดยมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 3,275-3,310 ดอลลาร์
ขณะที่มุมเทคนิค การเคลื่อนไหวสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหลายของราคาทอง ทำให้สถานะฝั่ง Buy ยังได้เปรียบตลาด แต่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นหลังเกิดสัญญาณซื้อมากใน RSI อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรสลับมาได้สถานะ Buy ต้องตั้งจุดคัทไว้ด้วย
กลยุทธการลงทุน
1. นักลงทุนระยะสั้น (Short-term)
หากทองคำโลกไม่หลุด 3,250 ดอลลาร์ (หรือทองไทยราว 51,400-51,350บาท) ให้รอสัญญาณกลับตัวก่อนเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร จุดตัดขาดทุน: วาง stop loss ไว้ที่ 3,245 ดอลลาร์ (หรือทองไทย51,300บาท) เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาลงต่อเป้าหมายกำไรที่ 3,275-3,310 ดอลลาร์ (ทองไทย 51,550-51,850บาท) หากมีข่าวหนุน เช่น ความตึงเครียดการค้าปะทุใหม่
2. นักลงทุนระยะยาว (Long-term)
ระดับราคาทองไทยต่ำกว่า 50,000 บาท (เช่น 47,000-49,000 บาท) ถือเป็นโอกาสสะสมสำหรับถือยาว เพราะทองคำยังมีศักยภาพขาขึ้นในภาพใหญ่จาก ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและนโยบายทรัมป์ และเงินเฟ้อที่อาจพุ่งขึ้นในอนาคตจากต้นทุนสินค้านำเข้าคาดว่าราคาทดสอบ 52,000-55,000 บาทใน 6-12 เดือน หากวิกฤตทวีความรุนแรงมากขึ้น
กลยุทธการลงทุนทองคำ
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 3,250/3,230/3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 3,270/3,290/3,310ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 51,400/51,200/51,000บาท
แนวต้าน 51,550/51,750/52,000บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%