ราคาทอง 6/1/68
โดย : บริษัท ออสสิริส จำกัด
ราคาทองโลกปิดร่วงที่ระดับ 2,640 ดอลลาร์
หลังนักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาพุ่งทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นหลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของ ISM สหรัฐฯ ส่งผลกดดันต่อราคาทองคำ ขณะที่ราคาทองแท่งในประเทศยังขายออกมากกว่าบาทละ 43,150 บาท
อย่างไรก็ตามราคาทองยังได้แรงหนุน นักลงทุนกังวลว่าการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค.อาจทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอน โดยคาดว่าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าและนโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ อาจจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเกิดสงครามการค้า รวมถึงความหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์ทองในตลาด
ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร หากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนความอ่อนแอของตลาดแรงงาน ปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนให้เฟดเร่งลดดอกเบี้ยซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทอง ในตรงกันข้าม หากภาคตลาดแรงงานยังแกร่งจะลดแรงสนับสนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยซึ่งเป็นปัจจัยลบทอง
ข้อมูลเทคนิค (Technical Analysis)
ตัวบ่งชี้ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เพิ่มขึ้นแตะเขต 70 สะท้อนภาวะซื้อมาก Overbought ทำให้เกิดแรงเทขายรุนแรง หลังราคาทองทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามราคาทองโลกต้องยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยให้ได้แถวโซน 2,640-2,645ดอลลาร์ เพื่อไม่ให้เสียทรงการปรับขึ้นระยะสั้น โดยมีเป้าหมายถัดไปแถว 2,665ดอลลาร์ เพื่อรันเทรนด์ขาขึ้นต่อโดยมีเป้าหมาย 2,700ดอลลาร์
กลยุทธการลงทุนทองคำ (Buy)
ราคาทองโลก (Gold Spot):
แนวรับ 2,640 /2,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 2,655/2,665 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท 96.5%:
แนวรับ 43,150/43,100บาท
แนวต้าน 43,250/43,350บาท
หมายเหตุ ราคาทองไทยเป็นราคาโดยประมาณซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางค่าเงิน
อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯล่าสุด
ดอกเบี้ยสหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%
