โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย.
แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับลดลง
- ราคาทอง Spot สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการพุ่งของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม อย่างไรก็ตามในช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำมีแรงซื้อเข้ามา ท่ามกลางนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 3.77 ตันจากสัปดาห์ก่อน
- สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. ตลาดคาดว่าจะขาดดุลลดลง 89.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ขาดดุล 109.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายเดือนจากเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปี จากเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปี
- แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับลดลง โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,830 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไป 1,820 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,860 ดอลลาร์ และ 1,870 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,851.04 | -16.46 | 1,830/1,820 | 1,860/1,870 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
30,150 | +50 | 29,900/29,800 | 30,250/30,400 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
30,440 | +180 | 29,930/29,840 | 30,280/30,360 |
สามารถเข้าซื้อบริเวณ 1,820 ดอลลาร์ (GF 29,840 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 29,770 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,872.2 | +15.30 | 1,832/1,822 | 1,862/1,872 |
สามารถเข้าซื้อราคา GOM22 ที่ 1,822 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,812 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าลงเล็กน้อย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีปรับตัวขึ้น และสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า ทั้งนี้ระยะสั้นหากค่าเงินบาทไม่ผ่านบริเวณ 34.40 บาท/ดอลลาร์ มีแนวโน้มค่าเงินบาทอาจแข็งค่า สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.65 มีแนวรับที่ 33.90 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 34.40-34.50 บาท/ดอลลาร์
News
เจพีมอร์แกนเตือนนลท.เตรียมรับเฟดขึ้นดอกเบี้ย-สงครามยูเครนกระทบศก.รุนแรง
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของบริษัทเจพีมอร์แกน เชสกล่าวว่า เจพีมอร์แกนเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจากสงครามในยูเครน พร้อมกับแนะนำให้บรรดานักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าวเช่นกัน “ก่อนหน้านี้ผมเคยเตือนว่าเมฆหมอกของพายุกำลังก่อตัวขึ้น แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นการเตือนให้ระวังพายุเฮอริเคน ในขณะที่สถานการณ์ดูเหมือนจะราบเรียบนั้น ไม่มีใครรู้ว่าขณะนี้พายุเฮอริเคนเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว ซึ่งอาจมีความรุนแรงเหมือนกับพายุเฮอริเคนแซนดี” นายไดมอนกล่าว โดยพายุเฮอริเคนแซนดีเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดในฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปี 2555 ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “คุณต้องเตรียมพร้อมรับมือกับพายุลูกนี้ เจพีมอร์แกนเองก็เตรียมพร้อมเช่นกัน” นายไดมอนกล่าวกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนในการประชุมดังกล่าว ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักนับตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่เฟดยุติใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และหันมาดำเนินนโยบายคุมเข้มด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดขนาดงบดุลเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่หดตัวลง 1.4% ในไตรมาส 1/2565 ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นเริ่มดีดตัวขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะชะลอตัวลง แต่นายไดมอนกล่าวว่า “ท้องฟ้าในขณะนี้ดูเหมือนแจ่มใส ทุกสิ่งดูดีไปหมด และทุกคนคิดว่าเฟดสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ แต่ความจริงแล้วขณะนี้พายุเฮอริเคนกำลังก่อตัว และจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในไม่ช้านี้” นายไดมอนกล่าวว่า มีสองปัจจัยหลักที่เขารู้สึกกังวล หนึ่งคือ เฟดส่งสัญญาณว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินและลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening หรือ QT) และสองคือสงครามในยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ “ธนาคารกลางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน เนื่องจากสภาพคล่องในระบบมีมากเกินไป การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะขจัดสภาพคล่องบางส่วนออกจากระบบเพื่อหยุดการเก็งกำไร ฉุดราคาบ้านและสินค้าอื่น ๆ ให้ลดลง ส่วนสงครามในยูเครนนั้น กำลังส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงราคาอาหารและเชื้อเพลิง พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เราคาดว่าผลกระทบจากความขัดแย้งครั้งนี้อาจจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปถึง 150 ดอลลาร์ หรือ 175 ดอลลาร์/บาร์เรล” นายไดมอนกล่าว
ซาอุฯเล็งเพิ่มการผลิตน้ำมัน หากรัสเซียลดผลิตจากผลกระทบคว่ำบาตร
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ซาอุดีอาระเบียเตรียมความพร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน หากการผลิตของรัสเซียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อันเนื่องมาจากการถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้หารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งคาดว่าอาจจะมีการประกาศเรื่องดังกล่าวในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของกลุ่มโอเปก ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งมีรัสเซียเป็นสมาชิกด้วยนั้น ปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าในระดับปัจจุบัน เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ. หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า สมาชิกบางรายของกลุ่มโอเปกพลัสกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการตัดรัสเซียออกจากการทำข้อตกลงผลิตน้ำมันของโอเปกพลัส ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตน้ำมันของรัสเซีย
รัสเซียยึดดินแดนยูเครนได้ราว 20% หลังสู้รบต่อเนื่อง 100 วัน
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียได้ยึดครองดินแดนยูเครนอยู่ราว 20% และ ครบ 100 วันของการสู้รบซึ่งยังคงดำเนินอยู่หลายด้าน “ลองนึกภาพสิ! การต่อสู้อย่างต่อเนื่องซึ่งดำเนินอยู่ตามแนวหน้าเป็นระยะทางกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร” นายเซเลนสกีกล่าวกับรัฐสภาลักเซมเบิร์กในการปราศรัยทางออนไลน์ในวันพฤหัสบดี และเขากล่าวว่า พื้นที่ของยูเครนที่ถูกควบคุมโดยกองกำลังของรัสเซียนั้นเทียบได้กับทั้งประเทศเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ นายเซเลนสกีไม่ได้ระบุว่า รัสเซียยึดครองดินแดนยูเครนได้มากเพียงใดนับตั้งแต่เริ่มการรุกรานเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยรัสเซียได้ยึดคาบสมุทรไครเมียของยูเครนในปี 2557 และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียก็ได้ยึดพื้นที่บางส่วนของภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครนก่อนถูกรุกราน และขณะนี้ภูมิภาคดังกล่าวกำลังมีการสู้รบกันอย่างตึงเครียดมากที่สุด