โดย : บริษัท จีแคป จำกัด
แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐปิดตลาดอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (9 พ.ค.) หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีในระหว่างวัน ตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
มุมมองทองคำภาคเช้า
ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,860 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (9 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.185% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 ขณะที่ดัชนีดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปีเมื่อคืนนี้
ทางด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทไคเนซิส มันนีกล่าวว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดคือการที่นักลงทุนเลือกที่จะเทขายทองคำและหันไปซื้อสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงหลังจากรัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนมิ.ย.
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐปิดตลาดอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (9 พ.ค.) หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีในระหว่างวัน ตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,841 – 1,836 – 1,827
แนวต้าน 1,876 – 1,882 – 1,888
ราคาทองคำยังคงมีแรงกดดันจากคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขยับอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าครั้งก่อน เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อเป็นปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ก็ขยับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน และกดดันราคาทองคำอย่างหนัก อย่างไรก็ตามราคาได้ปรับตัวลงมากแล้ว อาจจะมีรีบาวน์ขึ้นได้