โดย : บริษัท จีแคป จำกัด
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,856- 1,850- 1,845
แนวต้าน 1,906 – 1,9111,917
ทองคำอ่อนตัวเล็กน้อยโดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการอ่อนตัวลงของทองคำก็ไม่ได้เสียการทรงตัวมากนัก ยังมองว่าเป็นการย่อตัวเพื่อสะสมกำลังเพื่อขึ้นต่อ นักลงทุนยังสามารถเก็งกำไรทิศทางขาขึ้นต่อไปได้
แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึง 6 วัน และนักลงทุนยังลดการถือครองสัญญาทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยด้วย หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเฉพาะไอเอชเอสมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 68.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวทั้งภาคการผลิตและบริการ
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเฟดชิคาโก ดัชนีราคาบ้าน FHFA
ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีภาคการผลิตสาขาริชมอนด์ คำสั่งซื้อสินค้าคงทน GDP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีภาคการผลิตเฟด แคนซัสซิตี้ ดุลการค้า รายได้ส่วนบุคคล รายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง ดัชนีฝ่ายจัดซื้อ ชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริภค เป็นต้น
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ โดยการเปิดเผยข้อมูลจากไอเอชเอสมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 68.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวทั้งภาคการผลิตและบริการ