บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 17 ม.ค.65 by HGF
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองปิดลบ นักลงทุนเริ่มขายทำกำไรก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์
ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับตัวลงสู่ระดับ 1,810 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามช่วงท้ายปลายสัปดาห์เกิดแรงเทขายออกมา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มขายทำกำไรก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ โดยตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า กดดันตลาดทองคำ หลังจากที่ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องในระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 0.87 ตันจากสัปดาห์ก่อน
- สัปดาห์นี้ติดตามดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนม.ค. การอนุญาตก่อสร้างบ้านและการเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนธ.ค. ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนม.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค. โดย conference Board
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับตัวลงสู่ระดับ 1,810 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้าน 1,830 ดอลลาร์ และ 1,840 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,810 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,816.70 | -5.08 | 1,810/1,800 | 1,830/1,840 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,700 | +100 | 28,600/28,500 | 28,950/29,050 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,700 | -70 | 28,660/28,580 | 28,960/29,070 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,580 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790 ดอลลาร์ (GF 28,400 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,820.10 | -5.00 | 1,812/1,802 | 1,832/1,842 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,802 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,792 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าไปกว่า 1.10% เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าในระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้นคาดอาจเห็นการกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 คาดจะมีแนวรับที่ 33 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.37 บาท/ดอลลาร์
News
CDC เผยโอมิครอนใกล้ครองสหรัฐครบ 100% แล้ว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในสหรัฐมีสัดส่วนมากกว่า 98% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ นางเจเน็ต วูดคอก รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) กล่าวเตือนว่า “ประชากรส่วนใหญ่ในสหรัฐจะติดเชื้อโควิด-19 และเราต้องสร้างความมั่นใจว่าโรงพยาบาลจะยังคงสามารถรองรับผู้ป่วยได้” ด้านนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า “ในที่สุด แทบทุกคนในสหรัฐจะติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างหนัก” ทั้งนี้ ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ โดยสามารถแทนที่สายพันธุ์เดลตา หลังจากที่เริ่มมีการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวเป็นครั้งแรกในวันที่ 1 ธ.ค.2564
ศาลฎีกาสหรัฐระงับคำสั่งไบเดนบังคับธุรกิจขนาดใหญ่ฉีดวัคซีนให้พนักงาน
ศาลฎีกาสหรัฐประกาศคำตัดสินให้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำหนดให้ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องให้พนักงานของตนฉีดวัคซีนหรือเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าจะยังอนุญาตให้บังคับใช้กฎการฉีดวัคซีนกับสถานบริการด้านสุขภาพได้ คำสั่งพิเศษดังกล่าวของปธน.ไบเดนเป็นที่โต้แย้งกันอย่างกันอย่างหนัก โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ศาลอุทธรณ์ภาคห้าแห่งสหรัฐได้ระงับการบังคับใช้คำสั่งพิเศษของปธน.ไบเดนที่กำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คนขึ้นไปต้องให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ต่อมาก็ได้มีคำตัดสินจากศาลอุทธรณ์ภาค 6 ของสหรัฐในเมืองซินซินนาติในวันที่ 17 ธ.ค. ให้คืนคำสั่งบังคับธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือตรวจเชื้อโควิดให้กับพนักงาน
เกาหลีเหนือลั่นตอบโต้แน่หากสหรัฐดำเนินมาตรการคว่ำบาตรปมนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือตอบโต้การคว่ำบาตรของสหรัฐ หลังเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงซึ่งสร้างความกังวลด้านความปลอดภัย พร้อมให้คำมั่นว่า เกาหลีเหนือจะดำเนินการตอบโต้อย่างเข้มแข็งและชัดเจนขึ้นสำหรับความพยายามของสหรัฐในการยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือเปิดเผยแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศว่า การดำเนินการทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงระบบการป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่นั้น เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายของเกาหลีเหนือ พร้อมระบุว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐต่อเกาหลีเหนือถือเป็นการยกระดับที่อันตราย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แถลงการณ์จากกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือมักจะสงวนไว้สำหรับการส่งข้อความที่สำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือแก่ประเทศอื่น ถ้อยแถลงดังกล่าวเพิ่มความตึงเครียด ขณะที่คณะบริหารของปธน.ไบเดนกำลังผลักดันให้นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กลับเข้าสู่การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ที่หยุดชะงักไปเกือบ 3 ปี อนึ่ง ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือได้หลีกเลี่ยงการเจรจา ทั้งยังยกระดับการผลิตวัสดุฟิสไซล์สำหรับอาวุธนิวเคลียร์ และทดสอบระบบใหม่เพื่อปล่อยหัวรบนิวเคลียร์ แถลงการณ์ระบุว่า “สหรัฐจงใจทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แม้กระทั่งดำเนินมาตรการคว่ำบาตร แทนที่จะรายงานเหตุการณ์ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เท่านั้น” ทั้งนี้ แถลงการณ์เสริมว่า “หากสหรัฐยังคงแสดงท่าทีเผชิญหน้าเช่นนี้ เกาหลีเหนือจะถูกบีบให้ต้องดำเนินการตอบโต้อย่างเข้มแข็งและชัดเจนขึ้น”