วันอังคาร, เมษายน 29, 2025
หน้าแรกวิเคราะห์ราคาทองคำบทวิเคราะห์ราคาทองคำ 14 ก.ย.65 by YLG

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 14 ก.ย.65 by YLG

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคาไม่หลุดแนวรับโซน 1,694-1,688 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะซื้อ ทั้งนี้ ควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคา โดยหากราคาดีดตัวขึ้นพิจารณาปิดสถานะซื้อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,710-1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ถือสถานะซื้อต่อ

แนวรับ : 1,688 1,676 1,658  แนวต้าน : 1,719 1,736 1,751

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 23.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันทองคำจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,731.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำเกิดการทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็ว ในทันทีที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดย “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. “สวนทาง” นักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.1% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนส.ค.

เมื่อเทียบรายปี โดย “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. โดย “สูงกว่า” ตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าเงินเฟ้อสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง และจะหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป พร้อมกับกระตุ้นคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 100 bps ในการประชุม 20-21 ก.ย.นี้ สะท้อนจาก FedWatch Tool ที่บ่งชี้ว่ามีโอกาส 38% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 100 bps สู่ระดับ 3.25-3.50% และมีโอกาส 62% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps ในการประชุมเฟดใน 20-21 ก.ย.นี้

ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น 1.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีก็ทะยานขึ้นสู่ระดับ 3.460% จนเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการดิ่งลงแรงกว่า 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ของทองคำจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน สู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.03 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)ของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค

หลังจากราคาทิ้งตัวลง ราคาขยับขึ้นแต่ก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง โดยราคามีการแกว่งตัวรักษาระดับไว้ ซึ่งหากราคาพยายามเคลื่อนไหวเหนือแนวรับโซน 1,694-1,688 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,710-1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้ให้ราคาจะเกิดแรงซื้อเพิ่มดันราคาขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป

กลยุทธ์การลงทุน

เสี่ยงเปิดสถานะซื้อหากสามารถยืนเหนือแนวรับโซน 1,694-1,688 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตัดขาดทุนหากหลุดระดับ 1,676ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการขายทำกำไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,710-1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อผ่านได้ หรือ หากรับความเสี่ยงได้สูง อาจพิจารณาชะลอการปิดสถานะซื้อไปที่โซนแนวต้านบริเวณ 1,734-1,736 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 1,276.37 จุด วิตกเงินเฟ้อพุ่งหนุนเฟดขึ้นดบ.แรง  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงอย่างหนักในวันอังคาร (13 ก.ย.) โดยนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1.00% ในการประชุมเดือนนี้  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,104.97 จุด ร่วงลง 1,276.37 จุด หรือ -3.94%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,932.69 จุด ลดลง 177.72 จุด หรือ -4.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,633.57 จุด ร่วงลง 632.84 จุด หรือ -5.16%
  • (-) “โนมูระ” ฟันธงเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1.00% สัปดาห์หน้า หลังเงินเฟ้อพุ่งเกินคาด  นักวิเคราะห์จากโนมูระคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดในวันนี้  ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์จากโนมูระและสถาบันการเงินอื่นต่างคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค.  นอกจากนี้ โนมูระคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทั้งในเดือนพ.ย.และธ.ค. ก่อนที่จะปรับขึ้น 0.25% ในเดือนก.พ.2566 
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐพลิกดีดตัว ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งเกินคาด  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพลิกดีดตัวขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ก่อนหน้านี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในช่วงแรก โดยถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในวันนี้ ซึ่งจะลดแรงกดดันต่อเฟดในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย   ณ เวลา 20.28 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.437% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.554%
  • (-) นักลงทุนเริ่มคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1.00% สัปดาห์หน้า หลังเงินเฟ้อพุ่งเกินคาด  นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงกว่าคาดในวันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวเป็นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญตัวสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 20-21 ก.ย. ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
  • (-) สหรัฐเผยดัชนี CPI +8.3% ในเดือนส.ค. สูงกว่าคาดการณ์  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1%   เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.1%  ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1%  เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3%
  • (-) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมสูงกว่าคาดในเดือนส.ค.  สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 91.8 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 90.5 หลังจากแตะระดับ 89.9 ในเดือนก.ค.
  • (-) ดอลลาร์แข็งค่า เก็งเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อพุ่ง  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (13 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่พุ่งขึ้นสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 1.37% แตะที่ระดับ 109.8150  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.37 เยน จากระดับ 142.74 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9607 ฟรังก์ จากระดับ 0.9540 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3154 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2984 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9979 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0120 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1503 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1679 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6738 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6881 ดอลลาร์สหรัฐ
- Advertisement -
Mr.Gold
Mr.Gold
หวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มข้อมูลข่าวสารให้ผู้ที่สนใจลงทุนในทองคำ
- Advertisement -
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
- Advertisement -

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ

- Advertisement -