โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบลงSPDRถือทองคำเท่าเดิม
คืนนี้ติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ
ทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700-1,735 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบแคบลงและปิดตลาดทรงตัวหลังจากวันจันทร์ราคาทองคำปรับลดลงที่ 1,680 ดอลลาร์ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจะปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือมาตรการ QE หลังจากการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนก.ค.ออกมาแข็งแกร่ง ซึ่งนักลงทุนรอติดตามอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค.ซึ่งตลาดคาดเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือนสะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐเร่งตัวสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700-1,735 ดอลลาร์ ทั้งนี้ทองคำมีแนวรับ 1,700 ดอลลาร์และแนวรับสำคัญที่ 1,680 ดอลลาร์ โดยทองคำมีแนวต้าน1,735 ดอลลาร์และแนวต้านสำคัญที่1,750 ดอลลาร์ที่คาดจะมีแรงเทขายทำกำไร
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,728.60 | -0.62 | 1,700/1,680 | 1,735/1,750 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,450 | -200 | 27,000/26,700 | 27,500/27,700 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
27,570 | +30 | 27,160/26,860 | 27,650/27,870 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,750ดอลลาร์ (GF27,870 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760ดอลลาร์ (GF 27,930 บาท) การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,700ดอลลาร์ (GF27,160 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,680 ดอลลาร์(GF26,860 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,731.60 | -0.40 | 1,722/1,702 | 1,737/1,752 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOU21ปรับขึ้นมาที่ 1,752ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,762ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคา GOU211,702ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,682 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดทรงตัวและอ่อนค่าลงเล็กน้อยโดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจะปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือมาตรการ QEนอกจากนี้เงินบาทยังได้รับผลกระทบทางลบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และการไหลออกของเงินทุนจากนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้น สำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.40บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.50 และ 33.60บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดขึ้นดบ. ตลาดจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิดทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.12% แตะที่ 93.0569 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก 5.2 ดอลล์นลท.ช้อนซื้อหลังราคาร่วงหนัก
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมานอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์หรือ 0.3% ปิดที่ 1,731.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดพุ่ง $1.81 รับคาดการณ์ดีมานด์ฟื้นตัว-จับตาสต็อกน้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นรวมทั้งข่าววุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์หรือ 2.7% ปิดที่ 68.29 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์หรือ 2.3% ปิดที่ 70.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 162.82 จุดขานรับวุฒิสภาผ่านร่างกม.โครงสร้างพื้นฐาน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ส.ค.) โดยดาวโจนส์และS&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงานในสหรัฐโดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงหุ้นสายการบินและธุรกิจเรือสำราญดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,264.67 จุดเพิ่มขึ้น 162.82 จุดหรือ +0.46% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,436.75 จุดเพิ่มขึ้น 4.40 จุดหรือ +0.10% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,788.09 จุดลดลง 72.09 จุดหรือ -0.49%
เกาหลีเหนือขู่สหรัฐ-เกาหลีใต้เตรียมรับมือภัยคุกคามหากเดินหน้าร่วมซ้อมรบ
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่าคิมโยจองน้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิมจองอึนผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเปิดเผยว่าเกาหลีใต้และสหรัฐจะต้องรับมือกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับการเดินหน้าปฏิบัติการร่วมซ้อมรบทางทหารสำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่าเกาหลีใต้และสหรัฐจะเริ่มปฎิบัติการซ้อมรบขั้นต้นในวันนี้แม้ว่าเกาหลีเหนือจะเตือนว่าการซ้อมรบจะทำลายความคืบหน้าในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีนางคิมโยจองระบุในแถลงการณ์ว่าการซ้อมรบดังกล่าวเป็นการกระทำที่บ่อนทำลายตนเองซึ่งคุกคามชาวเกาหลีเหนือและสร้างความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเธอเสริมว่า “สหรัฐและเกาหลีใต้จะต้องรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นหลังเพิกเฉยต่อคำเตือนซ้ำๆของเราในการเดินหน้าซ้อมรบที่เป็นอันตราย” นอกจากนี้นางคิมโยจองกล่าวหาว่าเกาหลีใต้ดำเนินการที่เป็นปรปักษ์สำหรับการเดินหน้าซ้อมรบหลังจากเกาหลีเหนือและใต้กลับมาเชื่อมโยงสายด่วนระหว่างรัฐบาลอีกครั้งเพื่อบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสองประเทศทั้งนี้ปฏิกิริยาของเกาหลีเหนือต่อการซ้อมรบนั้นจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของประธานาธิบดีมูนแจอินของเกาหลีใต้ในการกลับมาเปิดสำนักประสานงานระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ซึ่งเกาหลีเหนือได้ทำลายไปเมื่อปีที่ผ่านมารวมถึงการประชุมสุดยอดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์
สหรัฐพบติดเชื้อโควิด-รักษาตัวในรพ.เพิ่มสูงสุดในรอบ6เดือนหลังเดลตาแพร่ไม่หยุด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคโควิด-19ในสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ6หกเดือนเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในหลายพื้นที่ของประเทศรวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่ระดับต่ำข้อมูลด้านสาธารณสุขระบุว่ายอดผู้ติดเชื้อของสหรัฐเฉลี่ยรายวันอยู่ที่100,000รายต่อเนื่องมา3วันเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน35%โดยหากพิจารณาจากสัดส่วนประชากรรัฐหลุยเซียนา, ฟลอริดาและอาร์คันซอมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนยอดผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น40%และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น18%ในช่วงดังเวลากล่าวโดยรัฐอาร์คันซอมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดเมื่อเทียบตามสัดส่วนประชากร
เพนตากอนสั่งบุคลากรกองทัพสหรัฐต้องฉีดวัคซีนทุกคนก่อนกลางเดือนหน้า นายลอยด์ออสตินรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) เปิดเผยว่าบุคลากรกองทัพสหรัฐจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด-19ให้ได้ทุกคนภายในวันที่15ก.ย.นี้โดยแจ้งกับกองทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาชาติว่ากำหนดการดังกล่าวอาจเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้นอีกหากมีการปรับเปลี่ยนระเบียบกำกับดูแลหรือสถานการณ์การแพร่ระบาดย่ำแย่ลงรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุในบันทึกของกระทรวงว่า “ผมจะขอการอนุมัติจากท่านประธานาธิบดีเพื่อบังคับให้มีการฉีดวัคซีนภายในกลางเดือนก.ย. หรือไม่ก็ทันที” ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) “แล้วแต่ว่าสิ่งใดมาก่อน” สำนักข่าวซินหัวรายงานว่านายออสตินจำเป็นต้องขอการยกเว้นจากประธานาธิบดีโจไบเดนเพื่อบังคับให้บุคลากรกองทัพเข้ารับการฉีดวัคซีนเนื่องจากวัคซีนของไฟเซอร์ขณะนี้ได้รับการอนุมัติเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเต็มรูปแบบจากFDA โดยนายออสตินระบุในบันทึกดังกล่าวว่าFDA อาจจะอนุมัติอย่างเต็มรูปแบบใน “ต้นเดือนหน้า”