บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 7 ต.ค.64 by YLG
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เน้นทำกำไรจากการแกว่งตัว โดยหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,769-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ เข้าซื้อคืนหากราคาอ่อนตัวลงไม่แนวรับบริเวณ 1,747-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,747 1,735 1,721 แนวต้าน : 1,771 1,787 1,808
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.70ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างการซื้อขายในตลาดเอเชียและช่วงต้นของตลาดยุโรป ราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนบริเวณ 1.5728%ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อหลังจากราคาพลังงานทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งนั่นกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการอ่อนค่าของยูโร หลังจากการเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานประจำเดือนส.ค.ของเยอรมนีที่ปรับตัวลดลงเกินคาดอีกด้วย ปัจจัยที่กล่าวมากดดันราคาทองคำให้ร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,745.91ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเวลาต่อมาแม้ว่า ADPจะเปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดก็ตาม โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip ประกอบกับดัชนีดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดช่วงบวกที่ทำมาในระหว่างวัน นั่นส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดสู่ระดับสูงสุดที่ 1,765.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ และถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,769-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้งแต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน และหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นจำกัดประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1,747-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นทำกำไรระยะสั้นโดยเปิดสถานะขาย โดยใช้บริเวณ 1,769-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (หากผ่าน 1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สถานะขายให้ตัดขาดทุน) ขณะที่หากราคาอ่อนตัวลงแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะขายทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,747-1,735ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่อยู่สามารถถือสถานะขายต่อ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ‘ไต้หวัน’ ขอความช่วยเหลือ ‘ออสเตรเลีย’ สนับสนุนการทหารต้านจีนไต้หวันขอความช่วยเหลือไปทางออสเตรเลียเพื่อช่วยสนับสนุนความร่วมมือทางการทหาร หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินรบไอพ่นของกองทัพจีนรุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันตนเองทางอากาศของไต้หวันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ปัจจุบัน ออสเตรเลียคือหนึ่งในหลายประเทศที่ยังไม่ได้ยอมรับการประกาศตัวเป็นอิสระของไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งออสเตรเลียกับไต้หวันต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมรัฐมนตรีต่างประเทศของไต้หวัน โจเซฟ หวู กล่าวในสัปดาห์นี้ กระตุ้นให้ออสเตรเลียเพิ่มความร่วมมือด้านการแบ่งปันข่าวกรองและความมั่นคง ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีนแผ่นดินใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆโฆษกกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลีย แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า การจัดการความขัดแย้งแตกต่างในประเด็นต่าง ๆ รวมทั้งกรณีของไต้หวัน ควรเป็นไปอย่างสันติผ่านการเจรจา โดยไม่มีการข่มขู่หรือใช้กำลังทหาร
- (+) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลงสัปดาห์ที่แล้ว เหตุดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวขึ้น จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 10% ในสัปดาห์ที่แล้ว และดิ่งลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- (+) แบงก์ชาตินิวซีแลนด์ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% วันนี้ ครั้งแรกรอบ 7ปีธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย0.25% สู่ระดับ 0.50% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์เป็นธนาคารกลางแห่งที่ 2 ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามหลังธนาคารกลางนอร์เวย์ที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.25% ในเดือนก.ย. ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ยังได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปเพื่อลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และสกัดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์
- (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาดในเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31% แตะที่ 94.2641 เมื่อคืนนี้ ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1550 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1597 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3581 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3628 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7269 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7291 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.43 เยน จากระดับ 111.49 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9278 ฟรังก์ จากระดับ 0.9279 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2589 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2577 ดอลลาร์แคนาดา
- (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 102.32 จุด รับความหวังคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการขยายเพดานหนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนก.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,416.99 จุด เพิ่มขึ้น 102.32 จุด หรือ + 0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,363.55 จุด เพิ่มขึ้น 17.83 จุด หรือ +0.41% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,501.91 จุด เพิ่มขึ้น 68.08 จุด หรือ + 0.47%
- (-) บิตคอยน์พุ่งทะลุ $55,000 เหนือระดับ 1,800,000 บาท รับข่าว “โซรอส” เข้าลงทุนบิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ55,000 ดอลลาร์ในวันนี้ และอยู่เหนือระดับ 1,800,000 บาท ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขานรับรายงานที่ว่า กองทุนของนายจอร์จ โซรอส เจ้าของฉายาพ่อมดการเงิน ได้เข้าลงทุนในบิตคอยน์
- (-) ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐสูงกว่าคาดในเดือนก.ย.ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 568,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 425,000 ตำแหน่ง จากระดับ 340,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.