บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ต.ค.64 by HGF
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์
สัปดาห์นี้ติดตามการจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ย.
ทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways up
- สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำSpot ปรับลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์แตะ 1,721 ดอลลาร์เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่ามากที่สุดในปีนี้โดยการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสแถลงว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเร่งตัวสูงขึ้นยาวนานกว่าที่เฟดคาดไว้มาก และเฟดจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อยับยั้งอัตราเงินเฟ้อถ้าจำเป็น แต่ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สูงกว่าตลาดคาด และความขัดแย้งของสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐทางด้านกองทุน SPDRขายทองคำ 6.98 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัปดาห์นี้ติดตามการจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ย.การเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐกำหนดเส้นตายวันที่ 18 ต.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งคาดราคาทองคำจะผันผวนถ้าการจ้างงานสหรัฐออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มาก ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 490,000 ตำแหน่งตามลำดับ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีPMIภาคบริการเดือนก.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. ดุลการค้าเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- แนวโน้มราคาทองคำ Spotคาดจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways upโดยมีปัจจัยหนุนเรื่องปัญหาหนี้ของสหรัฐและไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,750 ดอลลาร์และ 1,740 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,770 ดอลลาร์และ 1,780 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,760.65 | +4.05 | 1,750/1,740 | 1,770/1,780 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,000 | +50 | 27,800/27,650 | 28,150/28,250 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,130 | +50 | 27,970/27,820 | 28,290/28,400 |
แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคาทองคำ Spot1,750 ดอลลาร์ (GF27,970 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740 ดอลลาร์ (GF27,820 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,764.00 | +5.00 | 1,753/1,743 | 1,773/1,783 |
แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคา GOZ211,753ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,743ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวของสหรัฐ ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและกระทบทางลบต่อเงินบาท โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.60 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.80บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนค่าตลาดปรับตัวรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ต.ค.) หลังนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวของสหรัฐทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.20% แตะที่ 94.0364 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $1.4 วิตกเงินเฟ้อเพิ่มหนุนแรงซื้อทอง
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลว่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์หรือ 0.08% ปิดที่ 1,758.4 ดอลลาร์/ออนซ์และปรับตัวขึ้น 0.4% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 48.9 เซนต์หรือ 2.22% ปิดที่ 22.536 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 85 เซนต์นลท.จับตาประชุมโอเปกพลัส 4 ต.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสในวันจันทร์ที่ 4 ต.ค. และตลาดได้ปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนพ.ย. สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์หรือ 1.1% ปิดที่ 75.88 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 และปรับตัวขึ้น 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 97 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 79.28 ดอลลาร์/บาร์เรลและปรับตัวขึ้นเกือบ 2.7% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 482.54 จุดขานรับข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่เป็นไปในเชิงบวก, ความคืบหน้าในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และแนวโน้มการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,326.46 จุดเพิ่มขึ้น 482.54 จุดหรือ +1.43%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,357.04 จุดเพิ่มขึ้น 49.50 จุดหรือ +1.15% และดัชนีNasdaqปิดที่ 14,566.70 จุดเพิ่มขึ้น 118.12 จุดหรือ +0.82% แต่ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.4%, ดัชนีS&P500 ปรับตัวลง 2.2% และดัชนีNasdaqร่วงลง 3.2%
ผู้แทนการค้าสหรัฐเตรียมเปิดเผยนโยบายการค้าจีนวันจันทร์หน้า
นางแคเธอรีนไท่ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เตรียมเปิดเผยกลยุทธ์ของรัฐบาลสหรัฐในด้านความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนในวันจันทร์หน้า (4ต.ค.)แถลงการณ์ของUSTR ระบุว่านางไท่จะกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับการทบทวนนโยบายการค้าของจีนที่ศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์ในกรุงวอชิงตันและจะมีการเปิดช่วงถาม-ตอบด้วยด้านสหรัฐกล่าวว่าจีนไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกและสหรัฐตั้งใจที่จะคงนโยบายดังกล่าวในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศอนึ่งปธน.โจไบเดนแห่งสหรัฐยังคงเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นนโยบายที่กำหนดตั้งแต่สมัยของอดีตปธน.โดนัลด์ทรัมป์แต่จนถึงปัจจุบันฝ่ายบริหารของนายไบเดนได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการการค้านอกตลาดและแนวทางปฏิบัติด้านเงินอุดหนุนของจีนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนอกจากนี้ความตึงเครียดระหว่าง2มหาอำนาจทางเศรษฐกิจก็ทวีความรุนแรงขึ้นด้วยเช่นกันเนื่องจากสหรัฐได้จำกัดไม่ให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวของสหรัฐ
S&P เตือนสหรัฐเสี่ยงถูกลดเครดิตสู่ระดับต่ำสุดหากรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
เอสแอนด์พีโกลบอลเรทติ้งส์ (S&P) เตือนว่าตลาดการเงินอาจได้รับผลกระทบรุนแรงหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้และอาจทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถืออย่างไรก็ดีS&P คาดว่าในท้ายที่สุดแล้วสภาคองเกรสจะสามารถแก้ปัญหาเพดานหนี้ได้ทันเวลา “หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับประเทศรายใหญ่ในกลุ่มG7อย่างสหรัฐ” S&P ระบุนายจอยดีปมัคเฮอร์จีนักวิเคราะห์ของS&P เตือนว่าการผิดนัดชำระหนี้อาจส่งผลให้สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับD ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด “S&P จะดำเนินการกับสหรัฐเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆที่ผิดนัดชำระหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรกระทรวงการคลัง, ตราสารหนี้หรือพันธบัตรรัฐบาลซึ่งหากเกิดสถานการณ์เหล่านี้อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐก็จะถูกปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุด” นายมัคเฮอร์จีกล่าวนายมัคเฮอร์จียังกล่าวด้วยว่าโดยปกติแล้วการผิดนัดชำระหนี้มักจะมีสาเหตุมาจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเงินนอกจากนี้ปัจจัยด้านการเมืองก็เป็นแรงขับเคลื่อนการอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ในสหรัฐ
ไบเดนลงนามรับรองกฎหมายงบประมาณชั่วคราวหน่วยงานรัฐรอดชัตดาวน์ถึง3ธ.ค.
ประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐได้ลงนามรับรองร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้วซึ่งจะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่3ธ.ค.นี้และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงานการลงนามดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนเสียง65-35และหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้การอนุมัติด้วยคะแนนเสียง254-175ปธน.ไบเดนได้แถลงภายหลังการลงนามเพื่อบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวว่า “กฎหมายงบประมาณชั่วคราวถือเป็นความจำเป็นและเป็นความเร่งด่วนของสหรัฐอย่างไรก็ดีรัฐบาลยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำ” ทั้งนี้สภาคองเกรสลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลต้องถูกชัตดาวน์ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีที่30ก.ย. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งหากสภาคองเกรสล้มเหลวในการดำเนินการดังกล่าวก็จะส่งผลให้พนักงานของรัฐบาลกลางสหรัฐต้องถูกเลิกจ้างงานในช่วงเวลาที่สหรัฐยังคงเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุขอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19