บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 เม.ย.65 By HGF
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองต่ำสุดในรอบ 2 เดือน กังวลเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจีดีพี ไตรมาส 1
คาดทองเริ่มดีดตัวทางเทคนิค หากเหนือ 1,870-1,880 ดอลลาร์
- ราคาทอง Spot ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ รวมถึงการพุ่งของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่มีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเฟดที่กำลังจะเกิดในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นหลังเดือนพ.ค. โดยอาจปรับขึ้น 0.75% เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 5.52 ตันจากเมื่อวานที่ผ่านมา
- คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจีดีพี ไตรมาส 1 ประมาณการครั้งที่ 1 ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1% จากเพิ่มขึ้น 6.9% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะลดลง 6,000 รายสู่ระดับ 178,000 ราย
- หากราคาทองยังสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,870-1,880 ดอลลาร์ คาดว่าจะเริ่มมีการดีดตัวทางเทคนิคเกิดขึ้น และราคาทองคำมีแนวรับถัดไป 1,860 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์ และ 1,915 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,885.70 | -17.9 | 1,870/1,860 | 1,900/1,915 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
30,850 | – | 30,500/30,350 | 30,900/31,000 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
30,890 | -120 | 30,620/30,530 | 31,030/31,170 |
เก็งกำไรฝั่งซื้อใกล้แนวรับบริเวณ 1,870-1,880 ดอลลาร์ (GF 30,530 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,860 ดอลลาร์ (GF 30,450 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,893.10 | -9.30 | 1,872/1,862 | 1,902/1,917 |
เก็งกำไรฝั่งซื้อใกล้แนวรับบริเวณ 1,872-1,882 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,862 ดอลลาร์
ค่าเงิน
เงินบาทเมื่อวานอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่า จากความกังวลเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ระยะสั้นค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แต่คาดเริ่มลดน้อยลงและอาจเริ่มทรงตัว สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.65 มีแนวรับที่ 34 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 34.50 บาท/ดอลลาร์
News
“สี จิ้นผิง” ประกาศลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดันจีนโตเพิ่ม หลังโควิดฉุดศก.
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการกลางด้านการเงินและเศรษฐกิจ โดยเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายาม “สุดกำลัง” ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยโครงการต่าง ๆ ที่เสนอนั้นมีตั้งแต่ระบบทางน้ำและทางรถไฟ ไปจนถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง นายหลี่เชิ่ง หวัง และทีมนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า “การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายของจีนนั้นตระหนักดีว่า การเติบโตที่แข็งแกร่งของประเทศเผชิญอุปสรรคจากมาตรการสกัดโควิด-19 และการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นจีนจึงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางนโยบายมากขึ้น” “เราเชื่อว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานควรจะเป็นเครื่องมือทางนโยบายที่สำคัญอย่างหนึ่งในการรักษาเสถียรภาพของการเติบโต” ทีมนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์กล่าว พร้อมคาดการณ์ว่าการส่งออกจะชะลอตัวลง การลงทุนภาคเอกชนจะอ่อนแอ และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) จะยังคงมีผลบังคับใช้เกือบทั้งปี
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและภาคบริการ นายไมเคิล เพตทิส ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า “ปัญหาคือ ยิ่งประเทศเติบโตโดยต้องพึ่งพาการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจากรัฐบาลเป็นหลักมากเท่าไร ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้นเท่านั้น”
รูเบิลแข็งค่า หลังรัสเซียระงับส่งก๊าซไปบัลแกเรีย-โปแลนด์
สกุลเงินรูเบิลของรัสเซียแข็งค่าขึ้น 1.1% เทียบกับยูโร แตะ 76.00 รูเบิลต่อยูโร หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีที่ 75.9075 รูเบิลต่อยูโร
ขณะเดียวกัน สกุลเงินรูเบิลแข็งค่าขึ้น 1% เทียบดอลลาร์ด้วย แตะ 72.82 รูเบิลต่อดอลลาร์ รายงานข่าวระบุว่า สกุลเงินรูเบิลแข็งค่าขึ้น หลังบริษัทก๊าซพรอม ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียเปิดเผยว่า บริษัทระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติไปยังบัลแกเรียและโปแลนด์
เนื่องจากทั้งสองประเทศไม่ยอมชำระเงินค่าก๊าซธรรมชาติด้วยสกุลเงินรูเบิล ซึ่งถือเป็นการตอบโต้ครั้งรุนแรงที่สุดต่อมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกที่เป็นผลพวงของความขัดแย้งในยูเครน ด้านเวเลส แคปปิตอล เปิดเผยว่า การระงับการส่งออกก๊าซให้แก่ประเทศในยุโรปจะยิ่งสร้างความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และบั่นทอนความสัมพันธ์กับยุโรป ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่น
รัสเซียเอาจริงระงับส่งก๊าซไปโปแลนด์-บัลแกเรีย ฐานไม่ยอมชำระเงินด้วยรูเบิล
บริษัทก๊าซพรอม ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย ได้ดำเนินการระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับโปแลนด์และบัลแกเรียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากทั้งสองประเทศข้างต้นไม่ยอมชำระเงินค่าก๊าซธรรมชาติด้วยสกุลเงินรูเบิลตามเงื่อนไขของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการตอบโต้ครั้งรุนแรงที่สุดต่อมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกที่เป็นผลพวงของความขัดแย้งในยูเครน
ทั้งนี้ โปแลนด์และบัลแกเรียนับเป็นสองประเทศแรกที่ถูกตัดการเข้าถึงก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักของยุโรป นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งได้คร่าชีวิตประชาชนไปหลายพันคน ผู้บริสุทธิ์หลายล้านคนต้องอพยพย้ายถิ่นฐานและสร้างความหวั่นวิตกว่าความขัดแย้งจะลุกลามขยายวงมากยิ่งขึ้น “ก๊าซพรอมได้ทำการระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้บริษัทบัลการ์ก๊าซของบัลแกเรีย และบริษัทพีจีเอ็นไอจี (PGNiG) ของรัฐบาลโปแลนด์โดยสมบูรณ์แล้ว
เนื่องจากทั้งสองประเทศไม่ยอมชำระเงินค่าก๊าซธรรมชาติด้วยเงินสกุลรูเบิล” ก๊าซพรอมระบุในแถลงการณ์ ประเด็นการระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียนั้นทำให้นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ออกโรงวิจารณ์ว่า รัสเซียพยายามใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเครื่องมือข่มขู่ โดยเธอระบุว่าการกระทำของรัสเซียนั้น “ไร้เหตุผลและไม่อาจยอมรับได้”