โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ
จังหวะการอ่อนตัวลงของราคาบริเวณโซน 1,693-1,677 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ แนะนำเปิดสถานะซื้อหรือหากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,717-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป
แนวรับ : 1,693 1,677 1,656 แนวต้าน : 1,717 1,735 1,757
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าในระหว่างวันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจะได้รับแรงหนุนจากความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี หลังบริษัทไบแนนซ์ (Binance) ตัดสินใจ “ยกเลิก” ข้อตกลงการซื้อกิจการเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องของเอฟทีเอ็กซ์ สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 1,722.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายกำไร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.76% เนื่องจากผลการนับคะแนนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐบ่งชี้ว่า พรรคเดโมแครตทำผลงานได้ดีกว่าคาดในการเลือกตั้งชิงเก้าอี้ในวุฒิสภา ซึ่งบั่นทอนความเป็นไปได้ของกรณี Republican sweep ส่วนความปั่นป่วนของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัยอย่างดอลลาร์เช่นกัน
ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 2.5 bps สู่ระดับ 4.153% หลังดีมานด์ในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเป็นอย่างซบเซา นั่นทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยได้รับแรงกดดันเพิ่ม แต่กระนั้น การปรับตัวลดลงของทองคำยังเป็นไปอย่างจำกัด โดยยังคงยืนเหนือ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า CPI ของสหรัฐที่กำลังจะเปิดเผยในวันนี้อาจบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อผ่านจุดพีคไปเรียบร้อยแล้ว ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ปัจจัยทางเทคนิค
หลังจากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แรงซื้อไม่มากพอและราคาไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบ แนวรับ 1,697-1,693 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาผ่านแนวต้านแรกได้ ประเมินแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,729-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของเดือนต.ค.,ก.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน
รอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,693-1,677 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตสถานะซื้อหากราคาหลุด 1,677 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,717-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจุดทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร
ข่าวสารประกอบการลงทุน
- (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 646.89 จุด กังวลผลเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดในวันพุธ (9 พ.ย.) โดยนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของราคาคริปโทเคอร์เรนซียังสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,513.94 จุด ร่วงลง 646.89 จุด หรือ -1.95%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,748.57 จุด ลดลง 79.54 จุด หรือ -2.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,353.18 จุด ดิ่งลง 263.03 จุด หรือ -2.48%
- (+) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มน้อยกว่าคาดในเดือนก.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.8% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค.
- (-) CNN เผยคะแนนล่าสุด รีพับลิกันแซงหน้าเดโมแครตทั้ง 2 สภา สำนักข่าว CNN รายงานว่า ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งกลางเทอมล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งในวุฒิสภามากกว่าพรรคเดโมแครต หลังจากที่มีคะแนนเสียงเท่ากันที่ 48:48 ในการนับคะแนนช่วงแรก ล่าสุด พรรครีพับลิกันคว้าที่นั่งในวุฒิสภามากกว่าพรรคเดโมแครต โดยอยู่ที่ 49:48 จากจำนวนทั้งสิ้น 100 ที่นั่ง โดยทั้งสองพรรคต้องการได้มากกว่า 50 ที่นั่งจึงจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา อย่างไรก็ดี หากพรรคเดโมแครตได้ที่นั่งเพียง 50 ที่นั่งในวุฒิสภา ก็ยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่าพรรครีพับลิกัน เนื่องจากในกรณีที่มีการลงมติด้วยคะแนนเสียงเท่ากัน 50:50 นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต สามารถลงคะแนนเสียงชี้ขาดในฐานะประธานวุฒิสภา ส่วนในสภาผู้แทนราษฎร ผลการนับคะแนนล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งมากกว่าพรรคเดโมแครตเช่นกัน โดยอยู่ที่ 202:184 จากจำนวนทั้งสิ้น 435 ที่นั่ง โดยพรรคที่ได้ 218 ที่นั่งจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
- (-) ดอลล์แข็งค่า นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อ-ผลเลือกตั้งสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.83% แตะที่ระดับ 110.5490 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 146.64 เยน จากระดับ 145.55 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3534 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3438 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.8935 โครนา จากระดับ 10.7513 โครนา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9857 ฟรังก์ จากระดับ 0.9858 ฟรังก์ ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0005 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0077 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1344 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1537 ดอลลาร์
