บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ก.พ.65 by HGF
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำบวก จากความตึงเครียดของชาติตะวันตกกับรัสเซีย
คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.โดย ISM
ราคาทองคำ Spot มีทิศทางเป็นขาลง
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนเข้าซื้อทองคำจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียเกี่ยวกับประเด็นยูเครน จากที่อังกฤษเตือนจะใช้มาตรการคว่ำบาตรธุรกิจและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีรัสเซีย หากรัสเซียกระทำการใด ๆ กับยูเครน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทองคำยังซึมซับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ซื้อทองคำสุทธิ 3.49 ตันจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
- คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.โดย ISM ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 57.4 จากระดับ 58.7 และจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 10.5 ล้านตำแหน่ง จาก 10.56 ล้านตำแหน่ง
- แนวโน้มราคาทองคำ spot คาดว่ามีทิศทางเป็นขาลง อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้อาจมีปริมาณการซื้อขายทองคำที่เบาบางลง เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีน ส่งผลให้ราคาทองคำระยะสั้นอาจเคลื่อนไหว Sideways โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,780 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,770 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,796.40 | +1.4 | 1,780/1,770 | 1,810/1,820 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,300 | -100 | 28,200/28,000 | 28,500/28,600 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,410 | +50 | 28,270/28,120 | 28,630/28,720 |
แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคาทอง Spot ที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 28,630 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,820ดอลลาร์ (GF 28,720 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,802.20 | +8.10 | 1,782/1,772 | 1,812/1,822 |
แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคา GOH22 ที่ 1,812 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,822 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า จากมุมมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ตามแนวโน้มค่าเงินบาทอาจเห็นการแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์
News
แคนาดาสั่งถอนเจ้าหน้าที่สถานทูตในยูเครนกลับประเทศเพิ่ม
กระทรวงต่างประเทศแคนาดาเปิดเผยว่า แคนาดาได้ตัดสินใจถอนเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตแคนาดาในยูเครนเพิ่มเติม เนื่องจากกังวลในประเด็นด้านความปลอดภัย สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แคนาดาได้ตัดสินใจถอนเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตแคนาดาที่ปฏิบัติงานในส่วนที่ไม่จำเป็น และสมาชิกครอบครัวเดินทางออกจากยูเครนเป็นการชั่วคราว พร้อมเน้นย้ำถึงความปลอดภัยและมั่นคงของชาวแคนาดาเป็นสำคัญ แถลงการณ์ของกระทรวงระบุว่า “ตามที่ประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ แคนาดาจะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตในกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน ซึ่งล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น การปฏิรูปภาคความปลอดภัย การจัดการความขัดแย้ง การปฏิรูปด้านประชาธิปไตย การให้บริการด้านกงสุลและการทูต” พร้อมเสริมว่า “พวกเขาจะเพิ่มขีดความสามารถในด้านการทูต และช่วยให้เราประเมินและรับมือกับสถานการณ์เพื่อช่วยเหลือยูเครนได้อย่างต่อเนื่อง”
เอชเอสบีซีชี้นโยบาย Zero-COVID ของจีนอาจส่งผลกระทบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
นายปารัช เชน หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดทุนการขนส่งและท่าระดับโลกของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษได้กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “”Squawk Box Asia” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีในวันนี้ว่า การบังคับใช้มาตรการรักษายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นศูนย์หรือ Zero-COVID ของจีนจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก เนื่องจากภาวะชะงักงันเพียงเล็กน้อยในจีนมีแนวโน้มจะสร้าง “แรงกระเพื่อม” เป็นวงกว้างไปทั่วโลก ทั้งนี้ นายเชนกล่าวว่า “โรคระบาดได้เผยให้เห็นว่าการสต็อกสินค้าคงคลังในห่วงโซ่อุปทานมีอยู่น้อยเพียงใด หากเกิดภาวะชะงักงันเพียงเล็กน้อยในจีน ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างไปทั่วห่วงโซ่อุปทานโลกได้” จีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก ได้เพิ่มความเข้มงวดในการใช้กลยุทธ์ Zero-COVID เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศพุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย จีนมีโครงสร้างพื้นฐานในการลดความคับคั่งทั้งในท่าขนส่งและห่วงโซ่อุปทาน “อย่างไรก็ดี สถานการณ์โรคระบาดจะส่งผลกระทบไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในท้ายที่สุด ดังนั้น ตราบใดที่จีนยังคงบังคับใช้มาตรการ Zero-COVID อย่างเข้มงวดเช่นนี้ต่อไป เราก็ไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ในการเกิดภาวะชะงักงันเป็นครั้งคราวในอนาคตได้” นายเชนกล่าว
วิจัยพบโควิดสามารถกลายพันธุ์เพิ่ม 21 จุดเมื่ออยู่ในคนไข้ติดเชื้อ HIV
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานผลวิจัยของสเตลเลนบอสช์ (Stellenbosch) ที่จัดทำร่วมกับมหาวิทยาลัยควาซูลู-นาทาล (University of KwaZulu-Natal) โดยยกกรณีศึกษาจากหญิงวัย 22 ปีชาวแอฟริกาใต้รายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส HIV ที่ไม่ได้รับการรักษาและมีเชื้อโควิด-19 อยู่ในร่างกายเป็นเวลา 9 เดือน ผลวิจัยพบว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เบตาที่อยู่ในผู้ป่วยรายนี้มีการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 21 จุด หลังจากหญิงดังกล่าวได้รับยาต้านเชื้อไวรัส และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกลับมาแข็งแรงดีแล้ว เธอก็หายจากโรคโควิด-19 ได้ภายในเวลา 6-9 สัปดาห์ งานวิจัยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่สนับสนุนว่า โควิด-19 จะกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ในร่างกายของผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV จนอาจเป็นสาเหตุของการเกิดสายพันธุ์ใหม่ อนึ่ง แอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีเชื้อไวรัส HIV แพร่ระบาดมากที่สุดในโลก โดยมีประชากร 8.2 ล้านคนจากทั้งหมด 60 ล้านคนที่ติดเชื้อ HIV และสายพันธุ์เบตาซึ่งทำให้หญิงรายดังกล่าวติดเชื้อนั้นก็มีการค้นพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ เช่นเดียวกันกับสายพันธุ์โอมิครอน รายงานวิจัยระบุว่า “กรณีศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนการเกิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ผลวิจัยของเราสนับสนุนรายงานก่อนหน้านี้ที่ว่า การรักษาด้วยการให้ยาต้านไวรัสอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้น” ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ